ผมเริ่มรู้จักกับ Single Malt ก็ด้วยคำแนะนำจากเพื่อนอีกคนหนึ่งในวงสนทนาว่า สุดยอดของเมรัยต้องเป็น Single Malt เท่านั้น และขวดแรกที่นายจะต้องหามาลองให้ได้ก็คือ Laphroaig แล้วนายจะรู้ว่า เมรัยที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร (แต่กว่าผมจะได้ลอง Laphroaig นั้นก็ผ่านไปอีกนานเชียวครับ) ผมพกความสงสัยกลับบ้าน ด้วยความงงๆ ว่าเจ้า Single Malt คืออะไร
ผมเริ่มหาข้อมูลต่อในที่สุดก็พบว่า Single Malt นั้นมีวิธีการแบ่งเหมือนไวน์ตรงที่ชนิดต่างๆ นั่นอยู่ที่ว่า อยู่ที่ Region (ภูมิภาค) ไหน แต่ละ Region ก็จะมี Character และ Style ที่ไม่เหมือนกัน เรามาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรกันบ้าง
1) The Lowlands
Whisky ที่มาจาก Lowland นั้นมีโรงกลั่นอยู่ทางตอนใต้ของสกอตแลนด์ (โปรดดูแผนที่) Whisky ที่มาจาก Lowland นั้นมีไม่มากนัก ที่มีก็ค่อยๆ ปิดเล็กลงไปเรื่อยๆ ตัวอย่างของ The Lowlands ก็คือ Auchentoshan Glenkinchie Bladnoch Littlemills (ปิด) Rosebank (ปิด)
เหตุผลที่มีไม่มากและปิดตัวลงไปเพราะมีหลายๆ คนบอกว่า Lowlands นี้ไม่มีรสชาติที่จัดจ้าน ไม่มีจุดเด่นในตัวเอง แต่ส่วนตัวผมชอบนะ รสชาติหญ้าอ่อนๆ นุ่มๆ เบาๆ สำหรับนักสะสมควรจะสะสมตั้งแต่ตอนนี้นะครับ ถ้ามันปิดไปแล้ว ก็หมายความว่าหายากขึ้น อย่าง Ladyburn นี้หายากมากเลยตอนนี้ราคาแพงเหลือเกิน (เหมาะเอาไว้เก็บ รสชาติ Ladyburn นั้นจริงๆ ไม่อร่อยเลยครับ)
2) The Highlands
Whisky พวกนี้มาจากตอนเหนือของสกอตแลนด์ (ดูแผนที่ประกอบด้วยนะครับ) Highland นี้มี Single Malts Whisky หลากยี่ห้อมาก ทางตะวันตกของ Highland นั้นมีโรงกลั่นไม่กี่แห่ง ซึ่งอยู่ค่อนข้างห่างกัน จึงเป็นการยากที่จะจำแนกว่ามีอะไรที่คล้ายกัน ที่เด่นที่สุดในแถบนี้คือ Oban จริงๆ แล้วถ้าไม่คิดมากเกินไป แถบนี้ก็มีรสชาติแห้งๆ เค็มๆ ขมๆ รมควันหน่อยๆ
ทางเหนือของ Highland นั้นวิสกี้จะมีรสชาติแรง เผ็ดนิดๆ นะครับ เหมือนมีเปลือกกระเทียม และลมเย็นๆ กลางทะเลผสมอยู่ในรสชาติ ถ้าอยากจะลอง ผมขอแนะนำให้เล่น Glenmorangie นะครับ เพราะดื่มค่อนข้างง่าย
Whisky ของ Highland แถวๆ ทางตะวันออกลงไปตรงกลางถึงตอนใต้ของ Highland จะมีรสชาติเหมือนผลไม้หน่อย สดชื่นหวานๆ ทานง่าย ผมขอแนะนำ Aberfeldy นะครับ รสชาติสดชื่นแรงๆ เข้มๆ แต่แบบมีรสชาติผลไม้ผสมอยู่ด้วยเหมาะสำหรับดื่มหลังอาหารเย็นกับตอนอ่านหนังสือบนเตียงเหลือเกิน
3) Speyside
จริงๆ แล้ว Speyside ก็เป็นส่วนหนึ่งของ Highland (ทางเหนือของสกอตแลนด์) แต่ที่มันแยกตัว ออกมาต่างหากก็เพราะ มีโรงกลั่นเยอะหลากหลายยี่ห้อ เป็นหัวใจของแหล่งผลิต Whisky เลยนะครับ มีสักครึ่งหนึ่งของจำนวนโรงกลั่นทั้งหมดได้ (โปรดดูแผนที่ด้วย) แถบ Speyside นี้มีดินที่ดี น้ำที่ดีเป็นน้ำที่อ่อนนุ่มจากแม่น้ำที่มาจากภูเขาหินแกรนิต อากาศก็เย็นกำลังดีเหมาะกับการสร้างโรงกลั่นและโรงบ่ม เรียกว่าทุกอย่างเป็นใจเลยก็ได้
รสชาติของ Speyside Wrbty ส่วนมากจะเป็นน้ำผึ้งหวานๆ หอมด้วยกลิ่นดอกไม้ บางทีก็มีรสขมแบบธรรมชาติแทรกอยู่ด้วย
ในขณะเดี่ยวกันเนื่องจากมีหลายยี่ห้อหลาย โรงกลั่นมากใน Speyside จึงมีบ้างที่จะมีรสชาติหลายแบบ ยกตัวอย่างเช่น Macallan Glenfarclas และ Aberlour จะมีรสชาติเข้มแต่นุ่มลึก มีเชอร์รี่หน่อยๆ ในขณะที่ Knockando Glengrant และ Glenlivet จะเบาลงมาหน่อย
จริงๆ แล้ว Glen แปลว่าหุบเขา (valley) นะครับ ใน Speyside นี้มีแม่น้ำที่ไหลผ่านหุบเขาต่างๆ พอสมควร The Glen of the livet ดูจะเป็นอันที่ดัง ที่สุด จนโรงกลั่นหลายแห่งยืมชื่อไปใช้ว่าทำมาจากแถบ Glen of the livet อันที่จริงมีแค่ Glenlivet Braeval และ Tamnavulin ที่ทำที่หุบเขา Glen of the livet เท่านั้น รสชาติจึงอ่อนนุ่มลึกครับ
4) Islay (อ่านว่า eye-luh นะครับ)
เกาะส่วนมากนั้นรวมอยู่ใน Highlands นะครับ แต่ก็มีบางเกาะที่มี Whisky รสชาติสุดจะแตกต่างมี character เด่นเฉพาะตัวจนต้องแยกตัวแยกชนิดออกมาต่างหาก เช่น Islay เป็นต้น Whisky ดังๆ มาจาก Islay เยอะครับ
เกาะเล็กๆ ยาวแค่ 25 ไมล์ แห่งนี้มีดินที่อุดมสมบูรณ์ บรรยากาศเย็นจากลมทะเล นั่นเป็นที่ตั้งของ Whisky เท่ๆ ที่มีชื่อเสียงอร่อยๆ เช่น Ardbeg Lagavalin Laphroaig และ Bowmore รสชาติของ Islay นั้นแรงเหลือเกิน สุดจะโดดเด่นกันทั้งนั้นลืมไม่ได้ เลยละครับ
5) Campbeltown
คือ Whisky ที่มาจาก Campbeltown ครับ เมื่อก่อนมีโรงกลั่น 30 แห่ง แต่บัดนี้เหลือแห่งเดียว Whisky ที่ดังๆ ของที่นี่ เช่น Spingbank Hazelburn ยังไงก็ลองชิมดูนะครับ Springbank ผมชอบมากเลย ลองไปชิมดูก็แล้วกันนะครับ
การทาน Whisky นั้น ยิ่งดื่มมากหลากหลายชนิดยิ่งเป็นการฝึกประสาทสัมผัสนะครับ โดยเฉพาะลิ้นกับจมูกจะไวขึ้น รสชาติต่างกัน ก็แล้วแต่แต่ละคนจะชอบนะครับ
ที่มา http://www.gotomanager.com/news/printnews.aspx?id=6593
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น