พวกผมแค่ชมชอบในรสชาติของสุรา เรื่องราวที่เขียน เริ่มต้นจากความชอบและความสนใจ ที่นำไปสู่การค้นหา
เมื่อได้รับรู้ และทดลองด้วยตัวเองแล้วก็อยากแบ่งปันให้กับเพื่อนๆ และคนอื่นๆ ที่สนใจในเรื่องเดียวกันครับ

ข้อคิดเห็นที่ให้เกี่ยวกับเรื่องการร่ำสุราในแต่ละประเภท เป็นความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ ที่ได้มาจากการลองของด้วยตัวเอง
ที่แค่อยากรู้ และอยากลองตามประสาครับ ผิดถูกประการใดก็คงไม่สามารถรับรองได้ครับ ขอน้อมรับคำแนะนำ และติชมทุกประการครับ


*** หมายเหตุ *** สงวนสิทธิ์สำหรับการอ่านและนำไปใช้ประกอบบทความเพื่อการแลกเปลี่ยนความรู้กัน และไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปใช้ในเชิงพาณิชย์ทุกอย่างครับ

วันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2557

Chivas Regal Extra

ตั้งใจว่าจะรีวิวแค่เดือนละหนึ่งขวด แต่สุดท้ายไปเจอป้ายยาที่ห้างดอกบัวเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว
เข้าใจว่า Chivas Regal Extra ขวดนี้ออกมาในช่วงรับเทศกาล Christmas และส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่นี้ครับ แต่หากว่าการตลาดไปได้สวยก็อาจจะอยู่ยาวไปครับ

ขวด และแพ็คเกจออกมาทางโทนสีแดง รวมถึงน้ำในขวดก็ออกสีทางแดง

จากฉลากข้างกล่องระบุว่า Extra Matured in Sherry Oak Cask ก็อาจเป็นที่มาของชื่อ Extra ก็เป็นได้ครับ

สำหรับเจ้าขวดนี้ไม่มีการระบุอายุ แต่ข้อมูลข้างกล่องอีกเช่นกันระบุว่า Blended ด้วย Extra Rarest Malt อีกต่างหาก

อืม.... 2 Extra แระ  ว่าแล้วเรามาเข้าเรื่องกันดีกว่าครับ

เริ่มที่สีกันก่อน ออกทางทองแดงเข้มๆ คงเป็นเพราะ Extra Matured ใน Sherry Cask ตามที่เขียนไว้ข้างกล่อง ขา ไหลค่อนข้างหนืดใช้ได้เลยทีเดียวครับ

มาว่ากันที่กลิ่นต่อ สูดแรกที่ได้กลิ่นตัวน้องแอลแหลมแยงจมูกมาก่อนเลย ตามด้วยกลิ่นเหล้า Malt ที่ผ่านการบ่ม Sherry Cask ที่คุ้นเคย กลิ่นค่อนข้างชัดเจน คล้ายพวกเค้กเชอรี่ฉ่ำๆ เจือด้วยกลิ่นน้ำผึ้งเล็กน้อย Citrus หน่อยๆ ที่ขัดใจคือกลิ่นตัวน้องแอลที่ตามมาหลอกหลอนอยู่เป็นระยะๆ น่าจะจาก Base ของ Grain Whisky ที่อายุน้อยจนทำให้ระบุอายุบนขวดไม่ได้

เมื่อเจือด้วยน้ำเล็กน้อย ค่อยดีขึ้นกลิ่นตัวน้องแอลจางลง กลิ่นเชอรี่ชัดเจนขึ้น

รสชาติ หวานนำให้ความรู้สึกคล้ายพวก Glenlivet ติดทาง Dry หน่อยๆ เชอรี่นิดๆ ไม่มาก เนื้อติดไปทางหยาบนิดๆ จบเหมือนทื่อๆ ไปหน่อย รวมๆ จัดว่าใช้ได้ครับ แต่ก็ไม่น่าประทับใจเท่าตัว 18 ปี

ปล. เมื่อเจือด้วยน้ำลงไปเล็กน้อย รสชาติจับความหวานได้ชัดเจนขึ้น สัมผัสโดยรวมดีขึ้น
หากจะผสมคงต้องทดลองหาส่วนผสมที่ชอบกันเอาเองละครับ หากชงผิดมีขมติดปลายนวมแน่ๆ ครับ

After Taste ค่อนข้างสั้น เหมือนโล่งๆ หายๆ บอกไม่ถูก จบแบบห้วนๆ ไปสักนิด
แต่เมื่อเจือด้วยน้ำลงไปกลับน่าประทับใจกว่า ทิ้งความหวานไว้ในปากค่อนข้างยาวกว่า Neat

สรุป Chivas Regal Extra สัก 1 Shot น้ำเปล่าหรือน้ำแร่ดีๆ สักฝา 
แกว่งๆ คนๆ ให้เข้ากันกับหนังสือดีๆ สักเล่ม หรือนั่งพูดคุยหลังเลิกงานกับเพื่อนก่อนแยกย้ายกลับบ้านลงตัวอยู่ครับ แต่ถ้าจะเอาไปเลี้ยงสังสรรกันก็ระวังตอนผสมกันนิด ผสมผิดติดแนวหวานขมแน่ๆ ครับ
หาส่วนผสมที่ลงตัวตามใจชอบได้เลยครับ


Suntory Hibiki 12 Yo สาวน้อยวัยใส

เพิ่งได้เข้าบ้านมาเมื่อสองเดือนก่อน แถมเฮียไปญี่ปุ่นหอบกลับมาให้อีกขวดหนึ่ง เลยจัดการเชือดดูบ้างดีกว่าครับ
เริ่มที่สีกันก่อน ออกทางทองเหลืองเข้มๆ นิดหน่อย น่าจะผ่านการบ่มถังเชอรี่แต่คงไม่นานมาก
ขาเหล้ากลางๆ ไหลเอื่อยอยู่พอสมควร

กลิ่น อโรม่าแนวสดชื่น ลูกแพร กลิ่นตัวน้องแอลพอมีให้ระคายจมูกนิดหน่อย
อบเชย คาราเมลนิดหน่อยหน่อย เจือน้ำลงไปแล้วช่วยให้กลิ่นตัวน้องแอลจางลงได้กลิ่นติดไม้ไหม้เข้ามาแทน

รสชาติ กำซาบเหมือนโดนสาวขบลิ้น คาราเมล เนียนๆ ลื่นๆ หางวนิลานิดหน่อย
จบแบบแห้งๆ  ขบซ่าๆ อยู่ตามโคนลิ้น และกระพุงแก้ม

After Taste สั้นๆ ไม่ยาวมากแต่ให้ความรู้สึกดี กลิ่น Oak หอมๆ ฟุ้งอยู่ในโพรงจมูก
พร้อมกลิ่น Malt และดอกไม้หอมๆ ที่ตีกลับขึ้นมาอยู่พอควร

ไม่รู้ว่าคาดหวังจากตัวพี่สาววัย 17 มากเกินไปหรือปล่าว
ตัวนี้ทำได้ดีแต่ไม่ Value ถ้าเอาไปเทียบกับ Suntory Old แต่กับในรุ่น Hibiki ด้วยกันก็พอได้ครับกับราคาจาก Japan หรือ Duty Free

วันว่างๆ หาหนังสือดีๆ สักเล่ม หยดน้ำลงไปเล็กน้อย จิบไปอ่านไปมีเพลินได้อยู่ครับ

วันอังคารที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2557

Nikka Pure Malt เสน่ห์ที่น่าสนใจของสาวญี่ปุ่น

NIkka Pure Malt ไม่ระบอายุก่อนครับวันนี้
เริ่มที่สี ออกทางทองแดงเข้มๆ ขาใหญ่แต่ไหลค่อนข้างเร็วแต่ก็ไม่ใช่ว่าพรวดนะครับ

ต่อกันที่กลิ่น เชอรี่เน้นๆ เจือด้วยกลิ่นของ Citrus พอประมาณ

รสชาติกันบ้างครับ Body ค่อนข้างบาง แต่ให้ความรู้สึกดี กลิ่นตัว และรสชาติน้องแอลไม่ค่อยมี
ให้สัมผัสถึงเชอรี่ค่อนข้างชัดเจนตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม
ติดออกแนวหวานจนบางครั้งรู้สึกได้ถึงความขม เรียกว่าหวานขม
รวมๆ ให้ผ่านครับ มีเสน่ห์น่าประทับใจสำหรับสาวญี่ปุ่นขวดนี้ครับ

After Taste กลางๆ ไม่สั้นไม่ยาว ให้ความหวาน และเชอรี่หอมๆ อวลๆ อยู่ในปากพอประมาณเลยครับ
จิบสุดท้ายไม่มั่นใจว่าอุปทานหรือปล่าว ให้กลิ่น Chocolate ตีกลับขึ้นมาในอึกสุดท้ายด้วยครับ




วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

DALWHINNIE 15 YO

สวัสดีครับมิตรรักนักดื่มทุกท่าน หลังจากที่ห่างหายการรีวิวไปนานแสนนาน วันนี้ผมมาแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกับค่าย DALWHINNIE
ตัวที่ผมเลือกมารีวิวในวันนี้เป็นตัว15ปี43%volครับ(ซึ่งผมมีอยู่ตัวเดียว)  แถมเจ้านี่ยังถูกเลือกให้เป็นClassic malts of scotlandจากเขตHIGHLANDด้วยครับ
  โรงนี้ถูกก่อตั้งขึ้นในปี1897 เริ่มกลั่นในปี1898 แถมยังขึ้นชื่อว่าเป็นโรงกลั่นเหล้าที่มีตำแหน่งตั้งอยู่สูงที่สุดในประเทศScotland คืออยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล327เมตร ซ้ำยังบอกอีกด้วยว่า น้ำที่ใช้ในการผลิตวิสกี้ในโรงนี้นั้น เค้าใช้หิมะที่ละลายตามธรรมชาติแล้วไหลผ่านสายน้ำลงมา
เกริ่นมานานแล้วขอเริ่มรีวิวเลยแล้วกันครับ
สี......ทองอร่าม
กลิ่น......หอมหวานของวนิลามาเต็มๆ,กลิ่นดอกไม้ที่หอมละมุนอบอวล แซมpeatมาบ้างเล็กน้อย ถ้าไม่ตั้งใจหาควันนี่แทบไม่เจอเลยครับ ดมใกล้ๆก็ยังไม่มีอาการBURNที่จมูก(อาจเป็นเพราะผมรินทิ้งไว้สักพักก็เป็นได้)
รสชาติ.....หวาน สด ใหม่ เต็มปากเต็มคำ  ไม่มีการบาดปากบาดคอให้เห็น รสชาติค้างบนลิ้นพอสมควร
จบ....... จบแบบพอประมาณค่อนข้างไปทางที่ประทับใจ  หยดน้ำลงไปนิดกลิ่นดีงามขึ้นกว่าเดิม กลิ่นหอมหวานเผยตัวขึ้นมมากกว่าเดิม

สรุป
เป็นอีกตัวที่ผมประทับใจครับ ปกติจะดื่มแต่สายควัน ไม่ค่อยจะได้ดื่มสายสดใสสักเท่าไหร่ แต่ตัวนี้โดนเข้าไป ผมถึงกับยอมครับ ดื่มง่าย ดื่มได้เรื่อยๆ   อโรม่าดี ผ่อนคลายความเครียด รสชาติดียิ่งหยดน้ำลงไปยิ่งดื่มง่ายขึ้น ดีไม่ดีคนเดียวครึ่งขวดก็ไปได้เอาง่ายๆ คืนนี้โดนไป3แก้ว ถือว่ากำลังดี พอให้หลับสบาย กู้ดไนท์ ราตรีสวัสดิ์ ครับ

ปล.บางท่านอาจจะสงสัยว่าโรงกลั่นอยู่สูงขนาดนั้นจะมีpeatได้อย่างไร peatที่โรงกลั่นนี้มาจากBOG (PEAT BOG)ที่อยู่รอบๆโรงกลั่นหรือให้แปลเป็นภาษาไทยก็คือพวกที่ราบที่มีน้ำขังเช่นพรุ,หนอง อะไรนั่นเองครับ

ขอให้ทุกคนมีความสุขในการดื่มครับ/Choke


วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Glenmorangie 18 Yo.

ตั้งใจว่าจากนี้ไปจะเขียนให้อ่านเดือนละขวด เพราะพักหลังมานี่เปิดแล้วดื่มไม่ทัน
แถมพ่วงด้วยอาการขี้เกียจเขียนด้วยอีกต่างหาก เนื่องจากย้ายนิวาสในการดื่มจากใกล้หน้าจอไปนั่งชิวบนดาดฟ้า
ว่าแล้วมาเข้าเรื่องกันดีกว่าครับ


เจ้า Glenmorangie 18 YO ขวดนี้จาก Whisky Bible 2013 ของตา Jim Murray ให้คะแนนไว้ที่ 91
โดยแบ่งเป็น Nose 22 Taste 23 finish 23 และ balance 23 ถือว่าได้คะแนนค่อนข้างดีเลยครับ


คราวนี้เรามาว่ากันแบบลิ้นบ้านๆ กันดีกว่าครับ
เรื่องสีนั้นตาจิมเหมือนไม่ค่อยเน้น แต่ผมขอรายงานละกันว่าสีนั้น ออกไปทางเหลืองทองอำพัน
ใสซ่ะจนดูไม่เหมือนเหล้าที่มีอายุบ่มถึง 18 ปี แต่ขานั้นจัดได้ว่าค่อนข้างหนักไหลอืดพอสมควรครับ

มาว่ากันด้านกลิ่นบ้าง ต้องบอกว่าแปลกที่ผมเหมือนได้กลิ่นของมะละกอสุกนำ
เจือด้วยวนิลาที่เป็นเอกลักษณ์ของเหล้าตระกูลนี้ แถมพักไว้นานได้กลิ่นกรุ่นๆ ของถั่วนิดๆ Dark Chocolate หน่อยๆ พาให้นึกกลิ่นของพวก Cereal รุ่นหนึ่งที่ลูกสาวซื้อมากินเป็นอาหารเช้าครับ
ตัวนี้แปลกที่กลิ่น Citrus ไม่ค่อยเด่นเหมือนรุ่นน้องๆ สักเท่าไหร่ครับ
** หมายเหตุ** กลิ่น Malt และกลิ่นละม้าย Cereal จะชัดขึ้นเมื่อเจือน้ำลงไปเล็กน้อย

ต่อกันที่รสชาติกันครับ
นำโด่งด้วยกลิ่นมะละกอ Dark Chocolate และถั่ว พิตาชิโอ
ปิดท้ายด้วยความเผ็ดแบบพริกไทย เจือด้วยอารมณ์ฉ่ำนิดๆ แห้งหน่อยๆ
แต่เมื่อเจือน้ำลงไปพบว่าดื่มง่ายขึ้น ความหวานนำโด่ง ตามสไตล์หลักของเหล้าตระกูลนี้
จนเรียกได้ว่าหวานเกิ๊นเมื่อเจือด้วยน้ำลงไปเล็กน้อย

After Taste ค่อนข้างจะสั้นไปสักนิด เมื่อดื่มแบบ Neat แต่น่าประทับใจกว่าเมื่อเจือน้ำลงไปเล็กน้อย
ให้ความหวานอวลอยู่ในปากค่อนข้างยาวทีเดียวครับ จนอดรู้สึกอยากยกต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ครับ

สรุปสำหรับเจ้า Glenmorangie 18 YO ขวดนี้สำหรับผมการดื่มที่ลงตัวที่สุดคือเจือด้วยน้ำลงไปเล็กน้อย
ในวันอากาศสบายๆ อยากผ่อนคลาย เลือกเจ้านี่มาเป็นเพื่อนไม่น่าผิดหวังครับ
เจือด้วยน้ำลงไปสักเล็กน้อย จิบเหล้าเคล้าเสียงเพลงที่ชอบ ผมว่ามันลงตัวนะครับ


วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Glenfiddich Reserve Cask 40%



สวัสดีครับเพื่อนๆ รีวิวตามภาษาคนไทย วันนี้ผมขอเสนอวิสกี้ที่ผมดื่มบ่อยที่สุดยี่ห้อหนึ่งแต่ไม่ค่อยจะได้รีวิว วันนี้โอกาสดีผมขอเสนอ Glenfiddich Reserve Cask เป็นหนึ่งในซีรี่ส์ Cask Collection รุ่นนี้จะทำตลาดอยู่ตาม Duty Free ใครเดินทางก็ต้องพบเจอตามสนามบินอย่างแน่นอน



สำหรับรุ่น Reserve Cask มาในขวดสีแดงแถมยังใช้วิธี Solera vat มองเผินๆ เลยอาจจะคล้ายๆ รุ่น 15ปี จนทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้ว่ามันเป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่หรือป่าว เพื่อคลายความสงสัยก็ต้องจัดมาแล้ว ก็เอามาชิมเทียบกับรุ่น 15 ปีไปเลย

Appearance: สีทองเข้มคล้าย 15ปี และมีขาขนาดกลางไหลช้า

Aroma: กลิ่นวนิลา โอ๊ค และติดกลิ่นคล้ายพริกไทย ผลไม้ตากแห้งฉ่ำๆ มาบางๆ

Taste: รสเผ็ดนำ สัมผัสในปากนั่ว ผาดๆ บนลิ้น กลิ่นแอลกอฮอล์ วนิลา ท๊อฟฟี่ชัดพอสมควร

With Water: รสเผ็ดจางลงไปบ้าง แต่กลิ่นแอลกอฮอล์ยังชัด วนิลายังมีให้จับได้บ้าง

Finish: ทิ้งสัมผัสเผ็ดกับบอร์ดี้มันๆ ในปาก และแห้งๆ ที่คอ กลิ่นตีกลับไม่ค่อยมี จบไปแบบเงียบๆ


สรุป: ไม่เหมือนตัว 15 ปีซักเท่าไหร่ ทาง 15 ปีเขาจะนุ่มๆ ฉ่ำน้ำผึ้งลื่นๆ ดื่มง่ายๆ แต่มาทางนี้ออกเผ็ดๆ วนิลา กลิ่นน้องแอลฯ ค่อนข้างจะชัด ที่เด่นน่าจะเป็นที่สัมผัสมาทั้ง Spice ที่ปาก, Richกระพุ้งแก้ม, Dryบนลิ้นและลำคอ ส่วนตัวคิดว่าผสมน้ำหน่อย หรือใส่น้ำแข็งก็กินง่ายดี กับ Single Malt Whisky ค่าตัวประมาณไม่ถึงสองพันก็ถือว่าใช้ได้ทีเดีย

ปล. มีเกมส์ให้เพื่อนๆ เล่นเพื่อจะได้มีโอกาสได้มีประสบการณ์ร่วมกับผมเพียง

1. เข้าไป comment ว่า "ขอลองน้ำปลาซัก 1 จิบ" ใต้รีวิวใน

Fanpage เย็นย่ำก็ร่ำสุรา https://www.facebook.com/yenyumramsura

2. Message ชื่อ, ที่อยู่ เข้าไปที่ Fanpage เย็นย่ำก็ร่ำสุรา

ผู้ร่วมสนุก 2 ท่านแรกเท่านั้นที่จะได้รับของที่ระลึก

วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2557

Macallan Sherry Oak 25 YO ความคุ้มค่าที่ชวนฝัน

สวัสดีสายวันจันทร์ครับเพื่อนๆ ขอเอามาเล่าสู่กันฟังตามประสาลิ้นบ้านๆ จมูกสั่วๆ เหมือนเช่นเคย
หลังจากห่างหายจากการเล่าเรื่องเหล้าไปพักใหญ่ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมานั่งมองแสตมป์ของ Macallan 25 ขวดนี้ก็ปี 50 เก็บมาตอนซื้อจำไม่ผิดน่าจะปี 52-53
รวมๆ อายุหลังจากเข้าไทยน่าจะราว 7 ปีได้ คงถึงเวลาต้องเปิดสักหน่อยแล้วครับ
ถือโอกาสฉลองสวนหย่อมเล็กๆ บนดาดฟ้าบ้านไปด้วยในตัวครับ

ว่าแล้วมาเข้าเรื่องเหล้าวันอาทิตย์กันดีกว่าครับ
สีนั้นข้างขวดบอกว่า สีมะฮอกกานี หรือสีออกแดงเข้มๆ เลยครับ ด้วยอายุเหล้าที่บ่มมานานสีจึงเข้มข้นเป็นพิเศษ
ขานั้นไม่ต้องพูดถึง หนัก และใหญ่ ไหลอืดอาดมากสุดๆ

ในส่วนของกลิ่นนั้น ไม่มีกลิ่นตัวของน้องแอลมาให้ได้ระคายจมูก ให้ความรู้สึกเหมือนไม่ใช่เหล้า
แต่เป็นน้ำเชอรี่เข้มข้นสุดบรรยายครับ ใครนึกไม่ออกว่ากลิ่นยังไง แนะนำให้ไปซื้อยาน้ำแก้ไอรสเชอรี่มาดมครับ
ตามด้วยกลิ่น Oak เก่าๆ แต่ไม่อับทึบเหมือน JW Blue ครับ เหมือนกลิ่นไม้เก่าๆ อายุเยอะ ตามบ้านไม้เก่าๆ ไม่ใช้ตู้ทึบๆ ที่ปิดไว้มานานแล้วเปิดออกอีกครั้งแบบ JW Blue กลิ่นนั้นออกแนว Classic กว่าครับ

ต่อกันที่รสชาติบ้าง ต้องบอกว่าสุดปัญญาที่จะบรรยาย รู้แต่ว่ามันนิ่ม นัว ชวนฝันครับ
คาราเมลนิดๆ เชอรี่หน่อยๆ เจือด้วยกลิ่นกุหลาบแห้งนิดๆ
ปิดท้ายด้วยความเผ็ดเล็กน้อย ที่ผมขอให้นิยามว่าเหมือนโดนสาวขบริมฝีปาก หรือลิ้นครับ
Glenfarclus 12 ที่ว่าเชอรี่จ๋า แต่กับ Macallan 25 ขวดนี้ให้ความสมดุลย์ที่พอเหมาะพอควร ไม่เชอรี่จ๋า
แต่ก็ให้ความลงตัวสมค่าตัวสุดๆ

สำหรับเจ้า Macallan 25 ขวดนี้ต้องบอกว่าลื่นหัวแตกครับ เปิดแล้วต้องค่อยๆ ถนอมจิบช้าๆ 
แต่มันเหมือนจะอดใจให้ช้าไม่ไหว เพราะความหยอกเย้าของเจ้าหล่อน ที่ชวนให้หลงใหลจริงๆ ครับ
ด้วยค่าตัวที่ค่อนข้างแรงมากหากว่าต้องซื้อราคาจริง หรือราคาตาม Duty Free นั้น 
หากเพื่อนๆ ไม่เดือดร้อนด้านทุนทรัพย์ขอแนะนำให้จับหล่อนมาให้ได้ครับ อย่าได้ปล่อยให้เธอหลุดมือไปเชียวครับ
ส่วนผมขอค่อยๆ ละเลียดสาวงามวัยเบญจเพสขวดนี้ไปช้าๆ แบบกลัวน้องเค้าหมดก่อนละครับ

วันอังคารที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2557

Johnnie Walker Explorers' Club the Gold Route 40%



สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิกวันนี้สิ้นเดือนทำงานเสร็จเร็วว่างๆ คันๆ เลยมานั่งเขียนรีวิวให้อ่านกันเล่นๆ หล่ะกัน



สำหรับวิสกี้ที่จะมารีวิวให้ฟังวันนี้แค่เห็นขวดก็คงจะรู้ได้ทันทีว่าคือลุง Johnnie Walker วิสกี้ที่อยู่คู่เมืองไทยและมียอดขายระดับบนๆ มาช้านาน สำหรับรุ่นที่เอามารีวิววันนี้อยู่ในชุด Explorers' Club Collection ที่เอาออกมาตีตลาดเหล้าสำหรับนักเดินทางหรือพูดง่ายๆ ก็คือขายตาม Duty Free ซึ่งขวดนี้เป็นรุ่น The Gold Route หรือเส้นทางสีทองถือเป็นลำดับที่สองในชุด ส่วนเรื่องแรงบรรดาลใจในการออกแบบและรายละเอียดอื่นๆ ลองไปหาอ่านกันเองเพราะผมขี้เกียจอ่าน(ใครอ่านแล้วมาเล่าสู่กันฟังก็ได้นะ) ขอรีวิวแต่รสชาติหล่ะกันนะ

Appearance: สีส้มทอง และมีขาเล็ก-กลางยาว ไหลค่อนข้างเร็ว แต่ยังสวย

Aroma: กลิ่นควันจางๆ มีผลไม้เปรี้ยวพวกส้ม มะนาว คลุกๆ มากับวนิลา

Taste: เผ็ดนำ หวานตามมาห่างๆ กลิ่นควันคล้ายน้ำมันเครื่องยางไหม้อ่อนๆ ไม่ดุร้าย ผลไม้ลูกแพร น้ำผึ้งนิดหน่อย

With Water: หวานชัดขึ้น เผ็ดอ่อนลงมาก จับกลิ่นยางไหม้ได้ชัดขึ้น วนิลา น้ำผึ้งตามมาห่างๆ สัมผัสมันๆ

Finish: ทิ้งความมัน รสเผ็ดไว้ที่ริมฝีปากและรสขมที่คอยาวนาน กลิ่นวนิลามีมาอวลๆ หายไปเร็วพอสมควร

สรุป: เป็นรสชาติค่อนข้างแปลกใหม่สำหรับค่าย Johnnie Walker ที่ทำควันได้เด่นพอสมควรเหมาะกับคนที่เริ่มสนใจวิสกี้ได้มีโอกาสได้ลองวิสกี้ที่มีกลิ่นควันระดับยางไหม้ โดยใส่มาให้ชิมกันแบบบางๆ(จิ๊ดนึง) บอร์ดี้ถือว่าทำได้ดี ติดตรงที่กลิ่นจบไวไปนิดและเผ็ดเกินไปสำหรับเหล้าที่มีกลิ่นแค่นี้ ซึ่งผมมักจะพูดเสมอว่าเหล้าไม่จำเป็นต้องนุ่ม รสเผ็ดมาก็ได้แต่ช่วยอัดกลิ่นลงมาด้วยให้มันไปทางเดียวกัน ตัวนี้น่าจะเหมาะกับผู้ที่เริ่มต้นแบบยังลังเลกับสายควันที่แบบไม่ชอบก็ยังกินจนหมดขวดได้ ส่วนใครที่มองหาควันแบบ Hardcore กว่านี้ในค่ายเดียวกันหันไปหา Lagavulin, Talisker, Caol Ila ดีกว่าครับ

วันอังคารที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2557

Laphroaig 10 ปี Cask Strength vintage Jan. 2010



สวัสดีครับเพื่อนๆ กลับมาพบกับรีวิวเหล้าประจำเดือนอีกเช่นเคยนะครับช่วงนี้สภาพอากาศเพี้ยนๆ ผมก็เลยป่วยไปตามระเบียบ จริงๆ วิสกี้ตัวนี้ว่าจะเขียนรีวิวตั้งแต่เดือนที่แล้วแต่ดันมาป่วยซะก่อนเลยหลุดมาเดือนกันยายนจนได้

สำหรับวิสกี้ที่จะมาพูดถึงกันวันนี้เป็นจ้าวเอกลักษณ์สายควันน้องสาหร่ายในตำนาน Laphroaig นั่นเองซึ่งก่อนหน้านี้ผมก็เขียนถึงไปหลายหลายรุ่นอยู่เหมือนกัน สำหรับขวดนี้เป็นรุ่น 10 ปี Cask Strength Jan. 2010


Laphroaig 10 ปี Cask Strength Jan. 2010 ชื่อรุ่นยาวๆ อย่างนี้มีความหมายว่าเป็น Single malt อายุ 10 ปี บรรจุลงขวดแบบใส่ดีกรีมาเต็มๆ ที่ 58.3vol. และบรรจุเมื่อเดือนมกราคมปี 2010 ซึ่งวิสกี้ที่มีฉลากแบบนี้เรียกง่ายๆ ว่าเป็น vintage ที่ทางผู้ผลิตต้องการให้นักชิมได้ลิ้มลองรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ แถมไม่ลดดีกรีด้วยน้ำก่อนบรรจุลงขวด ถ้า vintage ปีไหนเสียงตอบรับดี คำวิจารณ์เชิงบวกเยอะ เป็นที่นิยมราคาก็พุ่งไปคล้ายตลาดไวน์ซึ่งบางครั้งพุ่งกันหลายสิบเท่าเลยก็มี

Appearance: สีทองใส ขาเล็กยาวหนืดๆ

Aroma: กลิ่นน้ำยาทำความสะอาดตามโรงพยาบาล กลิ่นน้ำมันเครื่อง กลิ่นควันแรงๆ แน่นๆ

Taste: หวานนำ เผ็ดมาตามดีกรี อุ่นในปาก บอร์ดี้หนา กลิ่นควันมาเต็มๆ เผาไม้ เผาหญ้า น้ำยาทำความสะอาด น้ำยาล้างเล็บ

With Water: ยังคงความเผ็ดไว้เหมือนเดิม กลิ่นไม้ไหม้ คาลาเมลไหม้

Finish: หวานยังนำ และทิ้งเผ็ดยาว มากับกลิ่นควัน คลาเมล น้ำมันเครื่อง น้ำยาทำความสะอาด


สรุป: ผมลองชิมเทียบ Laphroaig 10 ปี Cask Strength กับตัว 10 ปีธรรมดา พบว่าแม้จะจำนวนปีเท่ากันแต่ต่างกันมากทั้งความแน่นของบอร์ดี้ ความหลากหลายของกลิ่นไม่ใกล้เคียงกันเลยครับ ตัว Cask Strength ขนาดผมใส่น้ำไปเยอะพอสมควรน้ำหนักก็แทบไม่ลดลงเลยขนาดที่ว่าดื่มน้ำตามไปยังล้างกลิ่นไม่ออก ถ้าเพื่อนๆ มีโอกาสก็ลองจัดมาลองก็ไม่เลวครับ น่าเอามาชนกับรุ่น 18ปีจริงๆ

วันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2557

Glenmorangie Sonnalta PX

ถึงคิวเล่าเรื่อง Sonnalta PX ขวดนี้กันสักที หลังจากที่เพื่อนๆ หลายคนได้ลิ้มลองกันไป
ผมเองก็มีโอกาสได้ลองด้วยความเมตตาจากพี่บ่าวเข้ม ที่ช่วยเป็นธุระจัดหาส่งข้ามภาคจากใต้ขึ้นดอยมาให้ ต้องขอขอบคุณพี่บ่าวของเราอีกครั้งครับ

จะว่าไป Sonnalta PX ขวดนี้เป็น Limited Edition และ Private Collection ในยุคแรกๆ ของ Glenmorangie
โดยนำไปบ่มต่อในถังเชอรี่ชั้นดีของสเปนที่เรียกกันว่า Pedro Ximenez เรียกย่อๆ ว่า PX ตอนนี้ Laphroaig ก็ได้นำถังนี้มาใช่เช่นกันครับ
สำหรับคำว่า Sonnalta ในภาษา Gaelic แปลว่า Generous แปลไทยแบบงูๆ ปลาๆ ก็ได้ความว่า โอบอ้อม เอื้อเฟื้อ ประมาณนั้นครับ

เล่าเรื่องราวกันไปตามที่หาอ่านได้จากข้างกล่องนะครับ

ด้านข้อมูลจาก Whisky Bible 2013 นั้นให้คะแนนไว้ค่อนข้างสูงที่ 96.5 ครับ
ถือว่าสูงสำหรับ Single Malt ที่ไม่ใช่สายควันสำหรับตา Jim Murray ครับ
คราวนี้เรามาว่ากันตามประสาลิ้นบ้านๆ จมูกสั่วๆ กันบ้างดีกว่าครับ

เริ่มกันที่สี เมื่ออยู่ในขวดสีออกทองแดงเข้มข้น เมื่อรินออกมาก็ออกทองแดงจางลงเล็กน้อย
แต่ก็จัดว่าทองแดงอยู่ดีครับ

ด้านกลิ่นนั้นให้กลิ่นสดชื่นของดอกไม้ เจือด้วยกลิ่น Citrus Oak เก่าๆ เพราะผ่านการบ่มด้วยถัง Bourbon ใช้แล้ว
กลิ่นรวมๆ นั้นค่อนข้างจางๆ ไม่ชัดมากเหมือนพวกเหล้าใหม่ๆ ส่วนหนึ่งคงเป็นที่การเก็บรักษา และความเก่าของเหล้า ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2009

อันนี้ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ นะครับ ถ้าสดกว่านี้ และมีการเก็บรักษาที่ดี น่าจะมีกลิ่นที่ถูกใจมากครับ
พอดีผมเพิ่งทบทวนกับ Lasanta ตัวใหม่ไปก่อนหน้านี้ไม่นาน รู้สึกว่าด้านกลิ่น Lasanta ให้ความสดใหม่กว่าครับ

มาต่อกันที่รสชาติบ้างดีกว่าครับ

ดื่มง่าย Sherry นำมาเลยครับ ต่อด้วยความหวานที่ปลายลิ้น  Dark Chocolate นิดๆ เจือด้วยกลิ่นรสของ Bourbon เก่าๆ เล็กน้อย
ปิดท้ายด้วยกลิ่นกรุ่นๆ ของผลไม้จำพวกส้ม ทิ้งความจะว่าแห้งก็ไม่แห้ง ฉ่ำก็ไม่ฉ่ำเอาไว้ ให้พอคิดถึง

ด้าน After Taste นั้นไม่สั้น แต่ก็ไม่ยาวมากมาย ผมว่าพักนี้ลิ้น กับปากผมอาจจะเพี้ยนๆ นะครับ คงต้องหาเวลาทบทวนดีๆ อีกสักรอบครับ มันเหมือนมีความรู้สึกแปลกๆ เหมือนไม่สุด ค้างๆ คาๆ ยังไงก็ไม่รู้ครับ

รวมๆ ความรู้สึกกับ Sonnalta PX ขวดนี้ให้ความประทับใจนะครับ แต่ตอนนี้มัน....
ให้ความรู้สึกงงๆ ไม่มั่นใจกับลิ้น และปากตัวเองยังไงก็ไม่รู้สิครับ

หรือว่าลิ้นผมมันชินกับเหล้าสดๆ ใหม่ๆ หรือปล่าวไม่แน่ใจครับ
เพราะผมมีความรู้สึกลึกๆ ว่าถ้าเหล้ามันสด และใหม่กว่านี้ มันน่าจะดีกว่านี้มากครับ

ปล. ความรู้สึก และความเห็นส่วนตัวล้วนๆ ไม่รับประกันความถูกต้องเหมือนเช่นเคยครับ

เพื่อนท่านอื่นหากได้เปิดลองแล้ว เรามาแลกเปลี่ยนกันครับ

OLD Pulteney Aged 12 Years

สายัณห์สวัสดิ์ค่ำวันอาทิตย์ สบายๆ อาทิตย์ที่ผ่านมาค่อนข้างจะวุ่นวายในเรื่องส่งตัวลูกสาวเข้ารั้วมหาลัย
วันนี้พอจะว่างๆ มานั่งจิบสักนิดครับ เลือกเจ้า Old Pulteney 12 ขวดนี้มาเป็นเพื่อนละกันครับ
เพราะน่าจะเป็นขวดเดียวในบรรดา 5 ขวดที่เปิดหลังสุดนี่ ที่ยังไม่ได้เล่าให้เพื่อนๆ ฟังครับ
อารมณ์เหงาๆ นิดๆ เพราะที่ผ่านมากว่า 6 เดือนมีลูกสาวนั่งเป็นเพื่อนดูพ่อจิบเหล้ามาตลอด
วันนี้เจ้าตัวเข้าหอพักในเมืองไปแล้ว ส่วนพ่อนั่งเหงาๆ มองเหล้าคิดถึงลูก (ฮา)
จมูก ลิ้น อาจผิดเพี้ยนไปบ้างไม่ว่ากันนะครับ

ว่าแล้วเรามาเริ่มกันดีกว่าครับ ด้วยความที่เป็นเหล้าอายุเฉลี่ยที่เหมาะสมโดยทั่วไป
สีเหล้าออกทางทองใสๆ ขาเล็กๆ ไหลค่อนข้างเร็ว ด้านกลิ่นหลักๆ น้ำผึ้งนิดหน่อย Citrus เบาๆ Oak กรุ่นๆ กลิ่นเค็มๆ คล้ายทะเลเบาๆ
น้องแอลค่อนข้างบางเบา ไม่ฉุนเตะจมูก ให้ความรู้สึกสดชื่นได้ดีเชียวครับ โดนรวมกลิ่นค่อนข้างดีเชียวครับ

ต่อกันที่รสชาติบ้างดีกว่าครับ ให้ความเค็มนิดๆ กลิ่นไม้ไหม้หน่อยๆ เหมือนถ่านไม่ใช่ควันนะครับ
ให้ความรู้สึกดี เหมือนเพื่อนใหม่ที่ปลอบประโลมในวันเหงาๆ อย่างนี้ได้ดีพอควรครับ ลื่นมั่กๆ ครับ
จิบแล้วให้ความรู้สึกอยากยกต่อเนื่อง ไม่ขี้เหร่ เหมือนสาววัยแรกแย้มที่หยอกเย้าได้ดีครับ
กับแก้ว Riedel นี่ยิ่งลื่นๆ ชิวๆ เลยครับ

After Taste ค่อนข้างสั้น แต่ประทับใจดื่มง่ายให้ความรู้สึกมันๆ อยู่ในปาก ไม่แห้ง ไม่ฉ่ำ เค็มๆ นิดๆ ไม้ไหม้หน่อยๆ
แต่ให้ความรู้สึกอยากยกต่อเนื่องได้เรื่อยๆ สบายๆ
ในวันเหงาๆ อยากได้อะไรสนุกๆ ให้ค้นหา ผมว่ามันตอบโจทย์ได้ดีพอควร สำหรับผมนะครับ
พอช่วยคลายเหงาได้เยอะทีเดียว เบาๆ ลื่นๆ นั่งฟังเพลงไปจิบไป ผ่อนคลายได้ดีเชียวครับ

ปล. ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ ไม่รับประกันความถูกต้องเหมือนเช่นเคยครับ

วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2557

Hibiki 12 Years Old Blended Whisky ที่ไม่ธรรมดา



แดดร่มบ่ายๆ วันเสาร์นอกจากกาแฟแล้วคงไม่มีอะไรจะเหมาะไปกว่าวิสกี้ดีๆ ซักแก้ว

 
สวัสดีครับเพื่อนๆ ผมห่างหายไปจากการรีวิววิสกี้ไปเต็มๆ อีก 1 เดือน จริงๆ ก็ไม่ได้มีภาระกิจอะไรมากมายแต่ช่วงนี้เหมือนเป็นทางแยกชีวิตเลยมีอะไรให้คิดเยอะไปหน่อย แต่เอาหน่าวิสกี้ดีๆ ยังมีให้ลอง ก็ต้องเขียนรีวิวกันต่อไป

วันนี้ขอนำเสนอวิสกี้จากแดนอาทิตย์อุทัยสำนัก Suntory นามว่า Hibiki อายุ 12 ปี ซึ่งเป็น Blened Whisky ที่ใช้วิสกี้จากโรงกลั่น Yamazaki และ Hakushu ผมเองได้มีโอกาสไปเยือนทั้ง 2 โรงมาแล้วความประทับใจยังไม่ลืมเลือน Hibiki 12 ปีมีรางวัลรับประกันความเทพมากมายทั้ง IWSC, WWA, International Spirit เป็นต้นซึ่งครั้งแรกที่ผมได้ลองเมื่อประมาณ 4ปีที่แล้วแบบชนกับ Single Malt Whisky หลายตัวจำได้ว่าเบียด Single Malt Whisky ตายเป็นแถวๆ
สำหรับ Hibiki 12 ปีบรรจุมาที่ 40%แอลกอฮอล์ในขวด 24 เหลี่ยมที่มีความหมายถึง 24 ฤดูการณ์ของญี่ปุ่น


Appearance: ทองเหลือง ขาเล็กไหลช้า เรียงสวย
Aroma: กลิ่นผลไม้ลูกผลัม บ๊วยเค็ม น้ำผึ้งหวานๆ ติดโอ๊คนิดๆ
Taste: หวานนำ เผ็ด มีบอร์ดี้กลางๆ ไม่เต็มมาก ผลัมสุกๆ เด่น น้ำผึ้ง
With Water: ยังติดเผ็ด หวาน กลิ่นผลไม้สุกๆ ยังเด่น แต่มีกลิ่นแอลกอฮอล์หลงมา  
Finish : บอร์ดี้มีแต่ไม่แน่นมาก หวานติดปากยาวๆ กลิ่นคล้ายอบเชยนัวๆ

สรุป : หวาน เผ็ด กลิ่นผลไม้ฉ่ำๆ น่าจะเป็นนิยามของเค้าได้เลยเป็น Blended Whisky ที่ทำได้ดีเกินคาดจัดจังหว่ะของกลิ่นต่างๆ ได้ซับซ้อน หรืออาจจะเป็นมาตราฐานที่ Blended Whisky ควรจะมี รางวัลที่ได้มาไม่ได้มาเพราะฟรุ๊คแน่นอน เสียอย่างเดียวราคาสูงมากหากเทียบกับวิสกี้ประเภทเดียวกันในท้องตลาด หากเพื่อนๆ มีโอกาสควรลองดูซักครั้ง สามารถดื่มได้ทั้งแบบ Nest และผสม Mixer ครับ