พวกผมแค่ชมชอบในรสชาติของสุรา เรื่องราวที่เขียน เริ่มต้นจากความชอบและความสนใจ ที่นำไปสู่การค้นหา
เมื่อได้รับรู้ และทดลองด้วยตัวเองแล้วก็อยากแบ่งปันให้กับเพื่อนๆ และคนอื่นๆ ที่สนใจในเรื่องเดียวกันครับ

ข้อคิดเห็นที่ให้เกี่ยวกับเรื่องการร่ำสุราในแต่ละประเภท เป็นความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ ที่ได้มาจากการลองของด้วยตัวเอง
ที่แค่อยากรู้ และอยากลองตามประสาครับ ผิดถูกประการใดก็คงไม่สามารถรับรองได้ครับ ขอน้อมรับคำแนะนำ และติชมทุกประการครับ


*** หมายเหตุ *** สงวนสิทธิ์สำหรับการอ่านและนำไปใช้ประกอบบทความเพื่อการแลกเปลี่ยนความรู้กัน และไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปใช้ในเชิงพาณิชย์ทุกอย่างครับ

วันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

The Famous Grouse Gold Reserve 12 Yo

สำหรับเจ้านกคุ่ม Gold Reserve ขวดนี้ผมได้รับฝากมาจาก เพื่อนรักคนหนึ่งครับ

วันนี้สบโอกาสของแอบเอามาชิมพร้อมรีวิวเล็กๆ ตามประสาลิ้นบ้านๆ ให้ได้อ่านกันครับ ไม่รับประกันความถูกต้องเหมือนเดิมครับ
เป็นความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ นะครับ 

สำหรับเจ้า Famous Grouse Gold Reserve ขวดนี้จากข้างกล่องว่าไว้ดังนี้ครับ

"Exceptional blend crafted from specially selected casks of the finest malt and grain whiskeys,
including the world famous malt, The Macallan and Highland Park."

ซึ่งเป็นส่วนใหญ่ของเหล้าตระกูลนี้ที่มีพื้นฐานมาจากเหล้า Macallan กับ Highland Park 
แต่อาจเพิ่มเหล้าจากโรงกลั่นอื่นๆ เข้าไปในแต่ละรุ่น และสำหรับเจ้าขวดนี้เหล้าตัวอื่นที่นำมา Blend จะเป็นเหล้าที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 12 ปีครับ

สำหรับเจ้าขวดนี้ให้นิยามตัวเองว่า "Silk of Scotland" ครับ

ว่าแล้วเรามีเริ่มกันที่สีครับ จากขวดต้องบอกว่าสีออกทองแดงเข้มเหมือนพวก Sherry Oak ครับ รินออกมาแล้วสีก็ยังดูเข้มๆ ออกทองแดงอยู่พวกควรครับ

ด้านขานั้น ต้องบอกว่าค่อนข้างใหญ่ แต่ไหลค่อนข้างเร็วพอควรครับ

กลิ่น เมื่อรินทิ้งไว้ต้องบอกว่ากลิ่นมาเอื่อยๆ โชยมาเหมือนเหล้าของ Macallan ตระกูล Sherry Oak ครับ หอมกลิ่นอโรม่าตามแนวของ Highland อยู่ครับ 
เจือด้วยกลิ่นเอกลักษณ์ของ Highland Park อยู่พอประมาณครับ
วนิลา โอ๊ก เชอรี่ ผลไม้รสเปรี้ยว ไม่ควัน

รสชาติกันละครับคราวนี้ เค็มนิดๆ ซ่าหน่อยๆ อารมณ์คล้ายดื่ม Macallan Sherry Oak มากกว่า Highland Park ครับ


หวานมันกำลังดีเลยครับ ตามด้วยน้ำกลิ่นวนิลา โอ๊ก ตีกลับขึ้นมายาวกำลังดีครับ ทางของ Macallan Sherry Oak จริงๆ เลยครับ

แต่ไม่เข้มข้นเท่านะครับ คงเป็นเพราะเหล้า Blended ครับ ถ้าให้จิบเรื่อยๆ นี่กำลังดีเชียวครับ

ครั้งนี้คงสั้นไปสักหน่อยแล้วครับ ราตรียังยาวสำหรับศุกร์แห่งชาติ กับ Famous Grouse Gold Reserve ขวดนี้มีดีจนเพลินได้สบายๆ เลยครับ

เหล้าเนื้อบาง รสหวานกำลังเหมาะ นี่แหละของชอบแนวผมเลยครับ ว่าแล้วขอไปเพลินต่อดีกว่าล่ะคร๊าบพี่น้อง ดื่มชากันดีก่า

วันพุธที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

The Macallan Fine Oak 15 Yo


Colour: Rich Straw
Nose: Sublime and Full, with a Hint of Rose and Cinnamon.
Palate: Intense Rich Chocolate, with a Hith of Orange and Raisin.
Finish: Lingering, with a Hint of Chocolate, Orange and Dried Fruit.


ตามประสาลิ้นบ้านๆ ไม่รับประกันความถูกต้องเหมือนเช่นเคยนะครับ

เริ่มกันที่สีก่อนเลยนะครับ ฝรั่งว่าสีนั้น Rich Straw ก็คือสีเหมือนฟาง แต่ฟางบ้านเรามันออกน้ำตาลๆ
ผมว่ามันจะสีทองใสๆ อยู่ครับ แต่มองๆ ไปมันก็ออกฟางๆ หรือเหมือนสีรวงข้าวเวลาข้าวตั้งท้องใกล้สุกที่เรียกกันว่ารวงทองอยู่เหมือนกันครับ


ด้านขานั้นหนักเชียวไหลเอื่อยๆ เส้นค่อนข้างใหญ่พอประมาณครับ

ต่อกันที่กลิ่น ฝรั่งว่าไว้ Sublime  and Full, with a Hint of Rose and Cinnamon.

ส่วนผมว่ากลิ่นมันหอมสดชื่น ได้กลิ่นของ cinamon ผลไม้แห้งรสเปรี้ยวตามสไตล์ของเหล้า Highland 
และกลิ่นคล้ายกุหลาบนิดๆ แต่เป็นกุหลาบใกล้แห้งมากกว่ากุหลาบสดนะครับ แต่ก็หอมสดชื่นดีแท้เหลา 

คราวนี้ก็ว่ากันที่รสชาติ ฝรั่งว่า Intense  Rich Chocolate, with a Hint of Orange and Raisin.
ส่วนผมว่า...
นุ่มละมุ่นให้รสของ Dark Chocolate อยู่ในเวลาที่อมแล้วกลืนเจือด้วยกลิ่นขององุ่นแห้งก็ลูกเกด

Finish: Lingering, with a Hint of Chocolate, Orange and Dried Fruit.
ข้อความนี้ไม่เถียงฝรั่งสักคำเลยครับ ครบถ้วนทุกกระบวนความกับข้อความด้านบน 
ยาวกำลังเหมาะ ชวนให้อยากซ้ำไปเรื่อยๆ กับกลิ่น Dark Chocolate ส้ม และผลไม้แห้งๆ ที่อวลๆ ค้างอยู่ในปากและลำคอ

สมกับที่เคยให้ไว้สามคำ "มันโดนเลย" แนวนี้เลยครับที่ผมชอบ ไม่ผิดหวังและคุ้มค่าเกินค่าตัวที่ได้มาเป็นอย่างยิ่งสำหรับผมนะ 

ปล. ความคิดเห็นทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ ไม่รับประกันความถูกต้อง
ข้อความที่ว่า "ฝรั่งว่า" เป็นคำแนะนำจากข้างกล่อง 
เป็นครั้งแรกที่ผมจับทางได้เกือบครบตามคำแนะนำข้างกล่องครับ 

Sapporo Whisky 43%


Sapporo Whisky ชื่อไม่คุ้นหูหน้าไม่คุ้นตาเพราะส่วนใหญ่ที่นิยมน่าจะเป็น Beer Sapporo มากกว่าเจ้าขวดนี้ได้มาจากน้องที่ไปเรียนที่ญี่ปุ่นราคาชิวๆ คิดเป็นเงินไทยน่าจะประมาณ 3-4 ร้อย ส่วนรสชาติก็มาลองดูกัน

Appearance: สีทองแดงใส่ ขาเล็กไหลเร็ว

Aroma: กลิ่นออกเปรี้ยวชะเอม เลมอน 

Taste: รสเผ็ด หวานนิดๆ โดยรวมออกจืด กลิ่นเลมอน ส้ม ฝาดปลายๆ

With Water: คล้ายตอนไม่ใส่น้ำแต่จืดมากกว่าเดิม

Finish: ทิ้งรสเผ็ดไว้กับกลิ่นแอลกอฮอล์ ไม่มีอะไรตีกลับขึ้นมา




สรุป: เป็นเหล้าที่จืดมาก ไม่มีมิติ ผมลองผสมโซดาก็ยังจืดแม้จะใส่เหล้าในปริมารที่เยอะมาก โดยรวมถือว่าไม่ผ่านแม้จะราคาถูกและหาซื้อได้ในประเทศไทยผมก็คงไม่เลือกซื้อ เพราะมีเหล้าหลายตัวที่ราคาใกล้เคียงทำได้ดีกว่า

วันเสาร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

Lagavulin 12years 57.5% Bottled 2011


เมื่อเดือนมีนาคมผมได้จัดไป Lagavulin 16ปี จนมาถึงเดือนนี้กลิ่นควันอันหอมหวานนั้นมันก็ได้กลับมาหลอกหลอนให้ผมคาใจอีก มาเดือนนี้มีโอกาสกลับบ้านที่กทม. อีกครั้งก็ไม่พลาดที่จะหิ้ว Lagavulin อีกขวดกลับมาด้วย เอากันให้สำลักควันกันไปข้างนึง โดยขวดนี้เป็นรุ่น 12ปี Limited Edition Bottled in 2011 ซึ่งก่อนหน้านี้ผมได้เคยลองตัวนี้ไปแล้วแต่น่าจะเป็นรุ่นที่ Bottled ก่อนปี 2011 มาตัวนี้ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีรสชาติที่แตกต่างกันอย่างไร แต่ที่แน่ๆ ควันน่าจะมาชัวร์


Appearance: สีทองใส (pale glod) ขาเล็กยาวไหลเชื่องช้าคล้ายตัว 16ปี

Aroma: กลิ่นควันคล้ายช็อคโกแลตไหม้ Peat มาแบบคล้ายตัว 16ปี มีกลิ่นน้ำผึ้งหอบๆ ติดมาตอนปลาย

Taste: สัมผัสแรกให้ความรู้สึกว่าอุ่นๆ ในปาก เผ็ดเล็กน้อย มีรสเค็มกลิ่นชายหาดและหวานตามมาคล้ายน้ำผึ้ง กลิ่นควันช๊อคโกแลต ซิกก้า คาราเมลไหม้ สัมผัสมันเนยแสบปากดีแท้เหลา

With Water: รสสัมผัสนุ่มนวลขึ้น มีรสหวานและเค็มค่อนข้างชัด กลิ่นควันน้ำผึ้งไม่ซับซ้อน


Finish: ทิ้งความรู้สึกอุ่นๆ และสัมผ้สมันๆ รสหวานๆ ไว้ในปาก กลิ่นควันเต็มโพลงจมูกและลำคอยาวพอสมควร


สรุป: ถ้าเทียบกับตัว 16ปีแล้วถือว่าใกล้เคียง แต่จะหนักที่ดีกรีที่มากกว่าทำให้ได้สัมผัส กลิ่น และรส ที่ดุดันเหมือนดื่มช็อคโกแลตข้นๆ อุ่นๆ และที่ประทับใจคือแม้ว่าดีกรีจะมากขนาดนี้แต่ก็ไม่มีบาดคอเลยครับ ดื่มแบบ Neat ประมาณ2แก้วกำลังดีมากกว่านั้นเลี่ยนไปหน่อยแถมอาจมีร่วง แต่ถ้าผสมน้ำนิดหน่อยเปิดเพลง Jazz ฟังริมทะเลก็ชิวแบบยาวๆ ถ้าพบเจอที่ไหนราคาไม่เกินสามพันก็น่ามีไว้ซักขวดครับ

ส่วนที่ต่างจากตัวที่ผมได้เคยลองที่สิงคโปร์คือตัวนั้นจะออก Dry และเผ็ดรสกว่าตัวนี้ประทับใจไปคนละแบบ