พวกผมแค่ชมชอบในรสชาติของสุรา เรื่องราวที่เขียน เริ่มต้นจากความชอบและความสนใจ ที่นำไปสู่การค้นหา
เมื่อได้รับรู้ และทดลองด้วยตัวเองแล้วก็อยากแบ่งปันให้กับเพื่อนๆ และคนอื่นๆ ที่สนใจในเรื่องเดียวกันครับ

ข้อคิดเห็นที่ให้เกี่ยวกับเรื่องการร่ำสุราในแต่ละประเภท เป็นความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ ที่ได้มาจากการลองของด้วยตัวเอง
ที่แค่อยากรู้ และอยากลองตามประสาครับ ผิดถูกประการใดก็คงไม่สามารถรับรองได้ครับ ขอน้อมรับคำแนะนำ และติชมทุกประการครับ


*** หมายเหตุ *** สงวนสิทธิ์สำหรับการอ่านและนำไปใช้ประกอบบทความเพื่อการแลกเปลี่ยนความรู้กัน และไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปใช้ในเชิงพาณิชย์ทุกอย่างครับ

วันจันทร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2557

บ้าเหล้าทัศนะศึกษา ณ ดินแดนปลาดิบ Part 2

มาต่อกันที่ Part 2 นะครับ วันนี้ผมจะพาไปเที่ยวโรงกลั่นวิสกี้อีกโรงหนึ่งที่ถือเป็นส่วนสำคัญอย่างมาก สำหรับวิสกี้ให้กลุ่มของ Suntory นั่นก็คือ Hakushu ครับ HaKushu สร้างขึ้นในปี 1973 ตัวโรงกลั่นซ่อนตัวอยู่ในป่าของภูเขา Kaikomagatake ในจังหวัด Yamanashi มีแหล่งน้ำธรรมชาติจากแม่น้ำ Ojira ทั้งสถาพแวดล้อมที่เป็นภูเขาที่เย็นและน้ำที่สะอาดเหมาะแก่การทำวิสกี้ ทำให้โรงกลั่นนี้มีอีกชื่อว่า Forest Distillery ขนาดที่ว่านอกจากทัวร์โรงกลั่นแล้ว ยังมีกิจกรรมดูนกตามธรรมชาติด้วยซ้ำ โดยวิสกี้หลักๆ ของที่นี่คือ Hakashu Single Malt Whisky และวิสกี้สำหรับนำไป Blended เป็น Suntory และ Hibiki รุ่นต่างๆ
ป้ายนำทาง

สำหรับการเดินทางมาที่ Hakashu ก็ไม่ยากมากครับ ให้ลงรถไฟสถานี Nirasaki แล้วก็ต่อรถ Bus มาลงที่ป้าย Matsubarakami ก็จะเจอโรงกลั่นเลยครับ และการเข้าชมที่นี่ก็ไม่ต้องจองเหมือนเดิมครับ กติกาเดียวกับ Yamazaki โดยเปิดให้ตั้งแต่เวลา 10 โมงเช้าถึงบ่าย 3 โมงเย็นเช่นเดียวกันครับ (ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.suntory.com/factory/hakushu/inspection/index.html )

ทางเดินเข้าไปบริเวณโรงกลั่น เต็มไปด้วยต้นไม้
อาคารส่วนหน้า สวยมากครับ
เอาหล่ะครับ เมื่อมาถึงและจองทัวร์เป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยคณะของผมได้เข้าพร้อมกับกลุ่ม ที่จองมาตอน 10 โมงครึ่งครับ บริเวณด้านหน้าโรงกลั่นจะเต็มไปด้วยต้นไม้ ทางเข้าก็เช่นกันอย่างกับเดินขึ้นเขาเข้าป่าก็ว่าได้ มาถึงในส่วนแรกคือส่วนจัดแสดงและห้องชมประวัติ ซึ่งที่นี่จะต่างกับ Yamazaki ที่มีให้ชมภาพยนต์เล่าถึงประวัติของการก่อตั้งโรงกลั่นแต่ใจความโดยสรุปจะ พูดถึงที่มาของ Yamazaki หลังจากโซนที่แรกมานี้ก็ต้องนั่งรสบัสที่ทางโรงกลั่นจัดไว้ให้ เพื่อไปสู่อาคารแรกคือ ห้องเตรียมวัดถุดิบ วัดถุดิบหลักที่นี่ก็คงหนีไม่พ้นข้าวบาเล่ย์ ทั้งการ Malting เพื่อใช้ทำ Malt Whisky และโม้วัดถุดิบเพื่อเตรียมสำหรับหมัก ต่อมาก็เป็นขั้นตอนการ Mashing โดยนำปลายข้าวที่ได้ไปผสมกับน้ำร้อนเพื่อให้แป้งเปลี่ยนเป็นน้ำตาลโดยจะวัด ค่าน้ำตาลได้ประมาณ 14% จึงจะเหมาะกับการหมัก ปัจจัยในการหมักที่สำคัญส่วนหนึ่งก็คือยีสที่ทำหน้าที่ในการย่อยน้ำตาลและ ปล่อยแอลกอฮอล์ออกมาพร้อมกับกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ โดยขั้นตอนนี้เราจะได้แอลกอฮอล์ประมาณ 7%

นั่งชมภาพยนต์กัน
ก็ยังมีหม้อกลั่นมาประดับ


ภาพแสดงขั้นตอนการผลิตวิสกี้








ป้ายแสดงแต่ละสถานี
หม้อต้ม


ถังหมัก เยอะจริงๆ

ต่อมาก็ไปที่อาคารที่เต็มไปด้วยหม้อกลั่นซึ่งเป็นส่วนสำคัญสำหรับการทำ วิสกี้ เพราะการกลั่นที่ดีย่อมได้เหล้าที่มีรสและกลิ่นที่มีคุณภาพ โดยที่นี่ก็ใช้รำบบการกลั่น 2 ครั้งแบบเดียวกับ Yamazaki จะสังเกตุว่ามีหม้อกันจำนวนมากเพื่อรองรับความต้องการของตลาด อีกจุดที่หน้าสังเกตุคืออุปกรณสำหรับ Cutting คือเป็นการคัดเลือกเหล้าโดยจะมีวาวล์สับเพื่อส่งเหล้าไปบ่ม หากเหล้ายังไม่ได้คุณภาพก็จะถูกส่งกลับไปกลั่นใหม่

ป้ายแสดงการกลั่น

หม้อกลั่นเรียงราย

อุปกรณ์สำหรับ Cutting
ต่อมาก็เป็นส่วนของโรงบ่มเมื่อได้เหล้าแล้วจะเรียกว่าเป็นวิสกี้ไม่ได้จน กว่าจะได้บ่มในถังไม้ไม่น้อยกว่า 2 ปี(ตามกฎของ Scotch whisky) โดยถังไม้ก็มีตั้งแต่ถังใหม่ยันถังใช้ซ้ำจากทั้งวิสกี้เองบ้าง เหล้าชนิดอื่นบ้าง หรือแม้แต่ถังไวน์ ในโรงบ่มมีถังไม้ที่บรรจุเหล้าอยู่มากมายผมก็เดินตามหาถังที่เกิดปีเดียวกับ ผมสนุกดีครับ แต่เอาจริงๆ นะครับการบรรยายผ่านเครื่องแปลภาษาก็ม้วนเดียวกับที่ Yamazaki เลยครับ

จาก การเดินเที่ยวโรงกลั่น Hakushu จะมีขนาดพื้นที่ที่ใหญ่กว่าและจำนวณอุปกรณ์ต่างๆ ก็มากกว่า Yamazaki มากครับ น่าจะเป็นวิสัยทัศน์ขอทางบริษัทที่ต้องการผลิตให้สอดคล้องกับตลาดครับ

ถังชนิดต่างๆ

บริเวณกว้างใหญ่ อุดมไปด้วยต้นโอ๊ค Mizanara

ห้องบ่มดูทันสมัย
หลังจากจบการทัวร์ก็เหมือนเดิมครับ เข้าห้องชิมสินค้าของทางโรงกลั่นครับ ซึ่งมาที่ Hakushu ก็คงต้องได้ลอง Hakushu Single Malt Whisky no aged แบบ Highball (เหล้า+โซดา+เลมอน) ชื่นใจดีครับ เสียดายไม่มีแบบ Neat ให้ชิมเลยไม่ได้รีวิว

ร้านค้าของที่ขายก็จะคล้ายๆ ที่ Yamazaki

บาร์วิสกี้
แต่ผมก็ต้องสารภาพตามตรงครับว่า มาถึงถ้ำแมวแล้วเราก็ต้องชิงลูกแมว ซึ่งแน่นอนครับ สายควันอย่างผมมันร่ำร้องอยากลอง Hakushu Heavily Peat มาตั้งแสนนานวันนี้จะได้ลองกันซักที





Hakushu Heavily Peat สีเหลืองอ่อนใส ขายาวหนืดมาก กลิ่นน้ำมันทอดเบคอน วนิลา ลาเวนเด้อ รสเผ็ดนำหวานตามกลิ่นควันนำเด็น จบไปแบบเผ็ดค้างคาทิ้งควันนิดๆ


ตาม ด้วย Hakushu Sherry Cask สีน้ำตาลเข็มขายาวไหลเร็ว กลิ่นช๊อกโกแล็ตหวานๆ อบเชย รสเผ็ด หวานนิดๆ บอร์ดีมาแบบเผ็ดๆ อุ่นๆ มีแอลกอฮอล์แทรกมา จบมันๆ เพดานปาก กลิ่นเปลือกส้ม อบเชย ชะเอม ไม่ยาวมาก

ต่อด้วยอีกขบวนใหญ่ๆ แบบ excusive only in Distillery



Yamazaki Mizunara สีทองเข็มใส ขายยาวไหลเร็ว กลิ่นวนิลาเข้มข้น ติดควันนิดๆ อบเชย รสเผ็ดนำ หวานมานิดๆ จบแบบมีกลิ่นแอลกอออล์แรงๆ บอร์ดีกลางๆ

Hakushu Smoky สีทองใสขายาวไหลไม่เร็ว กลิ่นควันเบคอน สบู่นกแก้ว ลาเวนเด้อ รสเผ็ดนำกว่า Heavily Peat กลิ่นหอมดอกไม้จางๆ มีพริกไทย จบไปแบบมีกลิ่นค้างในคอนานพอสมควร

Hibiki Smoky สีทองเข้มแต่ใส ขาเล็ก-กลาง ไหลกลางๆ กลิ่นแนวผลไม้เปรี้ยว เลมอลสุกๆ ควันมาแบบหลบๆ รสเผ็ดนิดๆ ขมควันๆ จบแบบ Full Body มันทั้งปากยาวนาน (ตัวนี้ใส่น้ำแล้วนุ่มนวลควันนำเด่น)

Hibiki Sherry สีทองแดงใสขายาวไหลกลางๆ กลิ่นผลไม้สุกๆ นำเด่น มีกลิ่นเปลือกส้ม รากไม้ รสเผ็ดนำนิดๆ ติดขมเปลือกส้ม จบ Dry หายไปเร็ว



การเดินทางเที่ยวโรงกลั่นวิสกี้ต้องขอขอบคุณท่านภรรยา และเพื่อนร่วมคณะอีก 2 ท่านผมได้ประสบการณ์และความรู้มากมาย ทั้งรสชาติและแนวคิดด้านวัฒนธรรมการดื่ม หวังว่าผู้ใหญ่บ้านเราจะเปิดใจช่วยพัฒนาเหล้าขาวที่มีให้เป็นวิสกี้ระดับโลก ซักที แล้วพบกันใหม่โรงกลั่นหน้าเมื่อโอกาสมาถึงครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น