เดือน นี้ผมประเดิมรีวิวโรงกลั่นที่ประเทศญี่ปุ่น นั่นก็คือ Yamazaki และ Hakushu ในเครือ Suntory ครับ แต่จากทริปของผมคือจะเริ่มที่ Hakushu แล้วไป Yamazaki แต่ว่าเพื่อให้อ่านแล้วเข้าใจง่ายๆ ผมขอเขียนย้อนจาก Yamazaki แล้วค่อยไปต่อ Hakashu นะครับตามลำดับการก่อตั้ง
ป้ายใหญ่ๆ ชัดเจน |
เดินไปทางนี้นะแจี |
สำหรับการทัวร์โรงกลั่นนั้นสามารถ walk-in และติดต่อตรง information center ได้เลยครับทางเจ้าหน้าที่จะดูรอบให้ซึ่งจะมีทุกๆ 1 ชั่วโมง รอบแรก 10 โมงเช้า และรอบสุดท้ายบ่าย 3 โมงค่าใช้จ่ายก็ฟรีครับ โดยเจ้าหน้าที่จะถามว่าใครขับรถมา คนที่ขับก็จะโดนแขวนป้ายว่าห้ามกินเพราะตอนจบการทัวร์จะมีให้ชิมเหล้าครับ ส่วนท่านที่จะมาเที่ยวเป็นคณะใหญ่ๆ ควรจองล่วงหน้าและตรวจสอบว่ามีการเปิดทัวร์หรือไม่เพราะที่โรงกลั่นอาจมีการ ปิดปรับปรุงในบางวันหรือบางทียาวเป็นเดือน (สามารถดูข้อมูลได้ที่ http://www.suntory.com/factory/yamazaki/index.html) สำหรับผมและชาวคณะได้รอบ 11 โมงครับระหว่างรอผมก็ได้เดินชมในส่วนของ Museum ที่เล่าถึงการมาถึงของวิสกี้ครั้งแรกในดินแดงอาทิตย์อุทัย และแสดงโชว์วิสกี้ของทางโรงกลั่นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แต่เนื่องจากผมต้องรอเวลาค่อนข้างนานจึงแอบมานั่งจิบวิสกี้ก่อนเพื่อฆ่าเวลา ตัวไหนบ้างไว้จะเล่าให้ฟังในตอนท้ายนะครับ
ภาพโฆษณาช่วงแรกๆ |
ขวด Whisky รุ่นแรกๆ |
กว่าจะมาเป็น Yamazaki Single Malt whisky |
ชั้นวางเหล้าจาก Yamazaki จากถังต่างๆ |
แต่ละขวดบอกแหล่งที่มาชัดเจน |
ชั้นวางเหล้าจาก Yamazaki จากถังต่างๆ |
จัดแสดงอุปกรณ์ทำถังไม้ |
เอาหม้อไม่ใช้แล้วมาตกแต่ง |
ภาพแสดงกระบวนการทำวิสกี้ |
ทางเข้าห้อง Mash House & Fermentation room |
หม้อต้ม |
ถังหมัก |
ข้าวบาเลย์ |
โม้จนได้ปลายข้าวสำหรับหมัก |
Peat เขาก็ใช้นะ |
ต่อมาเป็นส่วนของการกลั่นครับ ที่นี่ใช้ระบบกลั่น 2 ครั้งคือ Wash Still และ Sprit Still ตามรูปแบบมาตรฐานของ Scotland เลยครับ คือกลั่นครั้งแรกได้เหล้าดีกรีประมาณ 20 และจึงส่งไปกลั่นอีกหม้อเพื่อให้ได้ดดีกรีประมาณ 60 ก่อนจะนำไปบรรจุถังครับ
หน้าห้องกลั่น |
ทางเข้าห้องบ่ม |
ผู้บรรยายชาวญี่ปุ่น |
แสดงการหลบหนีของวิสกี้ |
ภาพจะๆ วิสกี้สัมผัสกับเนื้อไม้ |
ภายในโรงบ่ม |
ถัง No.1 |
ด้านหลังเป็นภูเขา ตรงกลางโรงกลั่นมีถนนตัดผ่าน เด็กๆ ก็ใช้เป็นทางเดินไปโรงเรียนกันสบายใจเฉิ่ม |
หม้อเก่าๆ เอามาประดับสวน |
มีสวนอยู่ภายในโรงกลั่นด้วย |
Yamazaki Single Malt Whisky no aged ที่ได้ลองกัน |
Highball - การชงวิสกี้กับน้ำแข็ง โซดาและเลมอน |
สำหรับตัวที่ผมได้ลองที่โรงกลั่นนี้มีด้วยกันทั้งหมด 6 ตัวถือว่าจัดหนักเลยทีเดียว
เริ่มที่ The Macallan 30 ปี ตัวนี้ หอมฟุ้งรุนแรง กลิ่นแนวผลไม้สุกๆ เชอร์รี่ ผิวส้ม หวานฉ่ำเต็มปากเต็มคำ เผ็ดนิดๆ บอร์ดี้แน่นๆ จบแบบยาวจนลืม
ต่อมาเป็น Hibiki 21 ปี กลิ่นยังคงแน่นๆ ไม่แพ้พี่ใหญ่ 30ปี มีความสดชื่นของดอกไม้เข้ามาแทรก กลิ่นผลไม้แห้งลูกพรุนลูกเกดมาหมด บอร์ดี้กลางๆ จบน่าจะยาว ตอบยากจริงๆ เพราะ 2 ตัวก่อนหน้ายังค้างอยู่เลย
ต่อมาเป็น Bowmore 25 ปี กลิ่นแนวผลไม้เชื่อม กลิ่นไม้ไหม้แห้งๆ แต่เมื่อลองหลัง 3 ตัวก่อนหน้าที่มีความโดดเด่นในกลิ่นผลไม้แล้ว Bowmore 25 ปีจึงเหลือแต่กลิ่นควันโดดเด่น กับบอร์ดี้นวลๆ จบควัน เชอร์รี่ชัดยาวพอสมควร
ต่อมาเป็น Bowmore 18 ปี ตัวนี้กลิ่นถือว่าต่างกับตัว 25 ปีคนละทางเลยครับ กลิ่นควันแห้งๆ นำมาเด่นๆ กลิ่นน้ำตาลไหม้ น้ำมันดิน บอร์ดี้เบา จบไปทาง Dry
สุดท้ายเป็น New made spirit มันคือเหล้า Yamazaki กลั่นออกมาใหม่ๆ เลยครับ ตัวนี้กลิ่นรับไม่ได้เลยครับ เกินบรรยายว่ามันคืออะไร แค่ดมก็แทบพุ่ง(กลิ่นแอลกอฮอล์แรงๆ ปนมากับนมบูดๆ) ต่างกับ New make spirit ของ Scotland ที่ผมเคยลองมากครับ หรือว่านี่คือความลับที่มำให้ Yamazaki ได้รางวัลมากมาย
ขอบคุนมากครับ บทความน่าสนใจมากๆ
ตอบลบติดตาม
ตอบลบจะมุ่งหน้าสู่ Sendai ตอนไหนครับ โรงกลั่น Miyagikyo ยอดภูผาน้ำแข็งตั้งอยู่ที่นั่น ขอบคุณสำหรับ review ครับ
ตอบลบหวังว่าวันนึง จะมีชนิดวิสกี้ที่หลากหลายในเมืองไทยมากขึ้นนะครับ
ผมดีใจมากๆ ครับ ที่เพื่อนๆ ชอบและติดตาม blog ครับ
ตอบลบMiyagikyo ถ้ามีโอกาสก็อยากไปครับ ผมเคยไป Yoichi ในเครือ Nikka เหมือนกันสวยมากครับ(เคยรีวิวไว้แล้วครับ)
Whisky ในเมืองไทยพอมีความหวัง ตอนนี้ตัวที่มีหากรู้จักร้านและกำลังทรัพย์ถึงก็มีให้เลือกพอสมควรครับ