พวกผมแค่ชมชอบในรสชาติของสุรา เรื่องราวที่เขียน เริ่มต้นจากความชอบและความสนใจ ที่นำไปสู่การค้นหา
เมื่อได้รับรู้ และทดลองด้วยตัวเองแล้วก็อยากแบ่งปันให้กับเพื่อนๆ และคนอื่นๆ ที่สนใจในเรื่องเดียวกันครับ

ข้อคิดเห็นที่ให้เกี่ยวกับเรื่องการร่ำสุราในแต่ละประเภท เป็นความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ ที่ได้มาจากการลองของด้วยตัวเอง
ที่แค่อยากรู้ และอยากลองตามประสาครับ ผิดถูกประการใดก็คงไม่สามารถรับรองได้ครับ ขอน้อมรับคำแนะนำ และติชมทุกประการครับ


*** หมายเหตุ *** สงวนสิทธิ์สำหรับการอ่านและนำไปใช้ประกอบบทความเพื่อการแลกเปลี่ยนความรู้กัน และไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปใช้ในเชิงพาณิชย์ทุกอย่างครับ

วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

The Macallan Whisky Maker's Edition 42.8%



ช่วงเวลานี้เพื่อนๆ หลายท่านคงอยู่ในช่วงงดเหล้าเข้าพรรษา ผมซึ่งก็ดื่มมาตลอดทุกปีไม่เคยงดกับเขาเลยซักที ปีนี้ก็เช่นเดิมแต่จะลดปริมาณและความถี่ลงเพื่อปรับสภาพร่างกาบซักหน่อย แต่ยังไงก็ไม่ลืมรีวิวแน่นอนครับ


ในเดือนนี้ผมหยิบ The Macallan รุ่น Whisky Maker's Edition ขึ้นมารีวิวครับซึ่งก่อนหน้านี้ผมเคยรีวิวรุ่น Select Oak และ 12ปีไปแล้วโดยรุ่นนี้จะอยู่ในซีรี่ย์เดียวกับ Select Oak เน้นทำตลาดกลุ่มคนเดินทางจะมีวางขายอยู่ตาม Duty free โดยค่าตัวก็ถือว่าไม่เบาอยู่ที่ประมาณสามพันปลายๆ

โดยเจ้านี่มีฉลากสีแดงสะท้อนแสงบรรจุมากับขวดขนาด 1 ลิตรบรรทุกแอลกอฮอล์ที่ 42.8% โดยระบุว่ากลิ่นออกไปทาง Fruit and Spice เรามาลองดูกันว่าจะเป็นไปตามที่เค้าว่าไว้กันไหม

Appearance: สีทองเข้มค่อนไปทางน้ำตาล (Full Gold) ขาขนาดกลางไหลเนือยๆ ไม่เร็วไม่ช้า

Aroma: กลิ่นชะเอม กานพลู น้ำผึ้งจางๆ แซมมากับคลาเมล

Taste: รสเผ็ด หวานนิดๆ กลิ่นแอลกอฮอล์เยอะพอสมควร กลิ่นชะเอมเด่นแต่ก็มาจางๆ รู้สึกเย็นๆ กลิ่นคล้ายสะระแหน่ มีโอ๊คติดมานิดๆ

With Water: ความเผ็ดยังเด่นอยู่ กลิ่นต่างๆ หายไปเยอะ กลิ่นชะเอมขมนัวๆ อ่อนๆ อยู่ในปาก

Finish: ทิ้งความเผ็ดไว้ทั่วทุกมุมปาก รู้สึกเย็นๆ ฝาดที่ลิ้น บอร์ดี้ไม่ค่อยมี เหลือกลิ่นชะเอม เปลือกส้มแห้งไว้นิดหน่อย

สรุป: ตัวนี้รสออกไปทางเผ็ด บอร์ดี้ไม่ค่อยมี กลิ่นเด่นๆ ออกไปทางสมุนไพรพวกชะเอม กานพลู การบูร แม้มีติดโอ๊คมาบ้างแต่ก็น้อยมาก ซึ่งผมคิดว่าน่าจะใช้วิสกี้อายุน้อยทั้งจากถัง Sherry และถัง ex-Bourbon มาผสมกันจนกลิ่นรวมๆออกมา คล้ายยาหม่องเย็นๆ ตีขึ้นจมูกแก้วิงเวียนดีครับ ความเห็นส่วนตัวคิดว่าไม่สมราคากับชื่อสถาบันนี้

วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Highland Park 12 yo

555 ขอหัวเราะตัวเองก่อนเลยครับ ลองจนจะหมดขวดเพิ่งจะมารู้ว่าตัวเองยังไม่ได้เขียนเล่าให้เพื่อนๆ ฟังเกี่ยวกับเจ้าตัวนี้ นึกได้วันนี้คงยังไม่สายว่าแล้วล้อมวงเข้ามาวันนี้จะเล่าเรื่องเหล้าแบบบ้านๆ ให้ได้รับฟังกันเช่นเคยครับ

สำหรับ Highland Park ขวดนี้เป็นเหล้าขวัญใจของเพื่อนๆ ในกลุ่มมักเหล้าคลับกันหลายคนเลยนะครับ ส่วนใหญ่จะชอบเจ้าตัว 12 ปีกับ 18 ปี แต่เท่าที่พอจะรู้มาหลายคนหลงรักเจ้าตัว 18 ปีซ่ะมากกว่า เสียก็แต่ว่าราคามันแรงเกิ๊น แถมยังจะแรงกว่าตัว 21 ปีอีกซ่ะงั้น เรื่องจริงไม่ได้อำนะครับเรื่องราคาเนี๊ยะ

เกริ่นนำไปเยอะละว่าแล้วมาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ตามประสาลิ้นบ้านๆ จมูกธรรมดาๆ เช่นเคยครับ

สีออกไปทางทองอำพันสดใสอยู่พอควรครับ ขาใหญ่ไหลอืดๆ พอตัวเลยครับ

กลิ่นนั้นหอมสดชื่น เหมาะที่จะเลือกมาในวันที่อ่อนล้าได้เป็นอย่างดี วนิลาหอมๆ Chocolate หน่อยๆ กลิ่นหวานๆ แต่ไม่เห็นมีกลิ่น peat เหมือนที่ว่าไว้ข้างกล่อง

สำหรับตัวนี้อีตา Jim Murray ค่อนข้างจะกดคะแนนให้รวมไว้ที่ 78 แต่ดันตบท้ายบอกว่า "To be honest, this was one of my favourite whiskies of all time, one of my desert island drams, and I could weep."

เรื่องกลิ่นแกให้แค่ 19 คะแนนเองครับ แต่ผมชอบกลิ่นทางหวานๆ แบบนี้ให้ที่ 22 คะแนนซ่ะเลย

มาต่อกันที่รสชาติ ตา Jim Murray ไม่ได้บรรยายอะไรไว้เลย และให้คะแนนไว้ที่ 21 คะแนนครับ

ผมลองแล้วขอเล่าว่า "หวานมัน กลมกล่อม กำลังดี ควันเบาๆ กำลังดีอย่างคุ้นเคย ไม่หนักเหมือน Laphroaig ทิ้งกลิ่น Oak กรุ่นๆ พอประมาณไว้ในปาก ได้น้ำเย็นๆ ตบท้ายนี่ความหวานตีกลับขึ้นมากำลังดี" ด้วยความชอบส่วนตัวกับเหล้าแนวนี้ให้คะแนนที่ 22.5 ครับ มันชวนให้ยกต่อเนื่องได้แบบลื่นๆ เลยครับ

ด้าน finished นั้นตา Jim Murray ให้ไว้ที่ 19 คะแนน

สำหรับผมแล้วขอบอกว่ามันสั้นไปนิดครับ แต่ก็ทิ้งความอยากให้ยกต่อเนื่องได้เรื่อยๆ หวานติดปลายลิ้นชวนให้อยากดื่มต่อไปยาวๆ ได้ไม่ยากเลยครับ
ขอให้คะแนนที่ 20.5 เพราะจบสั้นไปนิดครับ แต่เทียบกับเหล้าที่อายุพอๆ กันนี่ต้องยอมรับในความลื่นอยู่ครับ

Balance นั้นตา Jim Murray ให้ไว้ที่ 19 คะแนน

สำหรับผมแล้วเจ้านี่ถือเป็นส่วนผสมที่กลมกล่อม ลงตัวในวันเหนื่อยๆ ล้าๆ อยากได้อะไรมาช่วยผ่อนคลาย Highland Park 12 ปีขวดนี้ทำหน้าที่ของมันได้ดีทีเดียวครับ
ขอให้คะแนนความลงตัวของมันที่ 22 คะแนนครับ
เท่ากับว่าเจ้านี่ได้คะแนนรวมจากผมไปที่ 87 คะแนน ครับ

ปล. ความคิดเห็นทั้งหมดเป็นความคิดเห็น และความชอบ/ไม่ชอบ ส่วนตัวล้วนๆ ไม่รับประกันความถูกต้องเหมือนเช่นเคยนะครับ

Bunnahabhain XVIII

วันนี้ขอพาเพื่อนๆ มาพบกับคนคุ้นเคยที่พวกเราเรียกแกว่า "ลุงบัน" วัยสิบแปดขวบกันครับ
สำหรับตระกูลนี้คุณ pip ได้เคยให้ข้อมูลเบื้องต้นไว้ที่กระทู้รีวิว ลุงบันสิบสองขวบไว้ที่นี่ครับ http://www.montfort27.com/forum/index.php?topic=1877.0
ส่วนตัวผมเองนั้นพอดีทางบ้านไม่เคร่งเรื่องข้อมูล เน้นชิมเอารสชาติอย่างเดียวครับ
ก็เลยขอบอกเล่าเรื่องรสชาติแบบลิ้นบ้านๆ ตามแนวของตัวเองไปก็แล้วกันนะครับ เพื่อนที่อยากได้ข้อมูลรายละเอียดก็ตามไปเสพได้ที่กระทู้คุณ pip ได้เลยครับ

สำหรับเจ้า Bunnahabhain นี่ต้องบอกว่าเป็นเหล้าอีกตัวที่ออกเสียงได้ยากทีเดียวเชียวครับ มีบอกข้างกล่องดังนี้ Bu-na-ha-venn แบบอังกฤษงูๆ ปลาๆ บ้านนอกอย่างผมคงประมาณอ่านได้ว่า บูน-นา-ฮา-เหวน ครับ แต่ขอเรียกสั้นๆ ด้วยชื่อคุ้นเคยว่า ลุงบัน ก็แล้วกันนะครับ

รินพักไว้นี่กลิ่นอโรม่าหอมๆ เจือกลิ่นหวานๆ ของ Toffee น้ำผึ้ง Hazelnut โชยมาเป็นระยะๆ อย่างเย้ายวนทีเดียวครับ

สำหรับลุงบันขวดนี้ Jim Murray ให้คะแนนเอาไว้ถึง 93.5 เชียวครับ โดยให้คะแนนกลิ่นถึง 24 คะแนน
และแกบรรยายไว้ดังนี้ครับ "A sumptuous amalgam of lightly salted roasted hazelnut shimmering within it own oil. Oloroso bulging with toasted, slightly singed currants, a silver of kumquat and topped by thick vanilla. Irresistible."

รวมๆ แล้วเห็นด้วยกับแกในเรื่องของกลิ่นที่เย้ายวนอย่างแทบอดใจไว้ไม่ได้จริงๆ ครับ

ต่อกันที่สีก่อนสำหรับผมแล้วจัดได้ว่าเป็นเหล้าสีค่อนข้างเข้มทีเดียวครับ ออกทางทองแดงไปเลยก็ว่าได้ น่าจะ Finished จากถัง Sherry Oak ครับ
อายุอานามเยอะสีก็เลยเข้มเชียวครับ ขานี่ไม่ต้องห่วงใหญ่ไหลหนืดอืดเชียวครับ

มาต่อกันที่รสชาติขอว่ากันที่คะแนน และคำบรรยายของ Jim Murray ก่อนนะครับ เขาให้คะแนนไว้ 24.5 คะแนนครับ
"Almost impossible to fault: the oloroso grandly, almost pompously, leads the way exuding thick. Christmas pudding depth; a light muscovado sugar top dressing counters the deeper, lightly salted vanilla which begin to emerge."

ส่วนลิ้นบ้านๆ ของผมขอว่าไว้ดังนี้ครับ เผ็ดนำ เค็มนิดๆ แต่หวานพอตัว แผ่ความเผ็ดไปได้ทั่วปากดี ปลายติดหวานมันนิดๆ ทิ้งความมันเคลือบไว้ที่ลิ้นพอควร
รวมๆ แล้วคะแนนผมให้พอๆ กับแกครับ แต่ขอตัดคะแนนเรื่องความเผ็ดเพราะผมไม่ชอบเท่าไหร่ครับ ให้ที่ 23.5 พอครับ

มากันที่คะแนน Finished ตา Jim Murray แกให้ไว้ที่ 22 คะแนนครับ และว่าไว้ดังนี้ "A very slight sulphury note sullies the tone somewhat, but there is still enough rich vanilla and spotted dick for some enjoyable afters."

แต่สำหรับผมแล้วเห็นต่างอยู่บ้างครับ ค่อนข้างชอบกับ finished ที่ยาวพอประมาณไร้ควัน แต่มีความหวานอ้อยอิ่งทิ้งไว้ทั้งที่เผ็ดในตอนแรก แต่กลับทิ้งความมัน และหวานอยู่ในที กลิ่น Oak จางๆ กับ อโรม่าหอมๆ ของ Hazelnut กับ Toffee วนๆ อวลๆ อยู่ในปาก อันนี้เป็นความชอบส่วนตัวล้วนๆ ขอให้ที่ 24 คะแนนครับ

Balance นั้นตา Jim Murray ให้ไว้ที่ 23 คะแนน และบรรยายไว้ดังนี้ครับ "Only an odd cask has dropped this from being a potential award winner to something that is merely magnificent."

แต่สำหรับผมแล้วผมว่ามันลงตัวในวันว่างๆ นั่งจิบลุงบันวัยสิบแปด เคล้าเพลงลูกทุ่งตามประสาคนบ้านนอกอย่างผมก็ได้อารมณ์สบายๆ หรือจะฟังเพลงไทยสากลยุคต้อม เรนโบว์ Grand X เพลงพี่แจ้ หรือสุนทราภรณ์ยุคใหม่ได้อย่างไม่ขัดเขินครับ ขอให้คะแนนความชอบที่ 24 คะแนนครับ รวมแล้วผมให้คะแนนลุงบันแกทั้งหมด 95.5 ครับ

แต่ช้าก่อนความเห็นและคะแนนทั้งหมดล้วนเป็นความชอบส่วนตัวนะครับ ไม่รับประกันความถูกต้องเหมือนทุกครั้งครับ
ว่าแล้วขอลาไปสนทนาธรรมกับลุงแกต่อก่อนก็แล้วกันครับคืนนี้

วันอังคารที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Some Signature with Dewar's Signature



ห่างหายจากการรีวิวเหล้าไปนานเชียวครับรอบนี้ เนื่องจากอากาศที่ร้อน และเหล้าเก่าๆ ในบ้านที่เปิดไว้ก็ยังเคลียร์ไม่หมด
อีกทั้งการบ้านจากเฮียและเพื่อนๆ ที่ส่งมาให้ก็ยังทำไม่ทัน วันนี้อารมณ์อยากเป็นเหตุ เลยเลือกเจ้า Dewar's Signature ขวดนี้มาลองให้รู้แล้วรู้แรดไป

ว่าแล้วก็มาเล่าให้ฟังเลยก็แล้วกันนะครับ ความคิดเห็นทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ ไม่รับประกันความถูกต้องเหมือนเช่นเคยครับ

เจ้า Dewar's Signature ขวดนี้ไม่มีการระบุอายุ และจัดว่าน่าจะเป็นตัวเรือธงของ Dewar's ตามความเข้าใจส่วนตัวของตัวเองนะครับ
เพี่อนท่านไหนพอจะมีข้อมูลอื่นๆ ก็แจ้งเพิ่มเติมเข้ามาได้นะครับ เพราะผมไม่ถนัดเรื่องหาข้อมูลเสริมขอลองอย่างเดียวเลยดีกว่า 555

ว่าแล้วมาเริ่มกันที่สีก่อนเช่นเคย สีในขวดก่อนรินจัดว่าค่อนข้างจะเข้มติดไปทางทองแดงออกแนวๆ Sherry Oak ครับ
แต่เมื่อรินออกมาสีทองไปทางทองอำพันเจือแดงหน่อยๆ ครับ

มาต่อกันที่กลิ่นบ้างดีกว่า ขอบอกว่าแค่ได้กลิ่นก็ฟินแล้วครับ ยิ่งเทพักไว้นี่ยิ่งอวล
นำโด่งมาด้วยน้ำผึ้ง Oak เข้มๆ Malty หน่อยๆ ไม่ค่อยมีกลิ่นของน้องแอลมาให้อารมณ์เสีย
อโรม่าหอมๆ เจือด้วยกลิ่นของ Citrus หน่อยๆ ไม่มาก พอให้รู้สึกผ่อนคลายดีเชียวครับ

ต่อกันที่รสชาติเลยนะครับ หวานนำ รู้สึกถึง Malt ในปาก น้ำผึ้ง ควันจางๆ ฉ่ำปนแห้ง
Finished ยาวพอประมาณ
ตีกลับด้วยความหอมวนๆ อยู่ในปาก ไม่ผิดหวังกับตระกูลนี้เลยครับ ขอบอกตามตรงเลยนะครับ ว่า ผมนั้นเป็นแฟนตัวยงของเหล้าตระกูลนี้ไปแล้วครับ
ไม่ผิดหวังสักตัวจากที่ได้ลองมาครับ

เติมน้ำลงไปจับรสขมได้เล็กน้อย แต่เป็นลักษณะหวานจนขมซ่ะมากกว่าครับ ให้เลือกขอ Neat ตามด้วยน้ำเย็นๆ ดีกว่าครับ
มาตรงๆ แบบเต็มๆ ตัวนี้เอา JW Blue มาแลกก็ไม่ยอมครับ ไม่มีกลิ่นเก่าๆ เหมือน Blue

ในอารมณ์แบบอยากผ่อนคลายเลือกเจ้า Signature ขวดนี้มาได้เลยไม่ผิดหวังให้ครบทุกอย่าง แค่ได้กลิ่นก็ฟินแล้วครับ
จะเสียก็แต่ว่าราคาปกติค่อนข้างแรง แล้วก็ติดที่ว่าหายากในบ้านเราซ่ะด้วยสิครับ หาลำบากก็ลดมาที่ตัวน้อง 18 ปีก็มีดีไม่แพ้กันครับ
หรือจะเป็นตัว 12 ปีก็มีดี และราคาดีอยู่ไม่น้อยในบ้านเราครับ ว่าแล้วก็ขอลาไปฟินต่อก่อนละครับ