พวกผมแค่ชมชอบในรสชาติของสุรา เรื่องราวที่เขียน เริ่มต้นจากความชอบและความสนใจ ที่นำไปสู่การค้นหา
เมื่อได้รับรู้ และทดลองด้วยตัวเองแล้วก็อยากแบ่งปันให้กับเพื่อนๆ และคนอื่นๆ ที่สนใจในเรื่องเดียวกันครับ

ข้อคิดเห็นที่ให้เกี่ยวกับเรื่องการร่ำสุราในแต่ละประเภท เป็นความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ ที่ได้มาจากการลองของด้วยตัวเอง
ที่แค่อยากรู้ และอยากลองตามประสาครับ ผิดถูกประการใดก็คงไม่สามารถรับรองได้ครับ ขอน้อมรับคำแนะนำ และติชมทุกประการครับ


*** หมายเหตุ *** สงวนสิทธิ์สำหรับการอ่านและนำไปใช้ประกอบบทความเพื่อการแลกเปลี่ยนความรู้กัน และไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปใช้ในเชิงพาณิชย์ทุกอย่างครับ

วันพุธที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2555

Whisky glass

สวัสดีครับทุกท่าน ผมโชคครับ ตั้งแต่นี้ไปผมเองก็จะเป็นอีกคนนึงที่มาทำการลงบทความต่างๆเกี่ยวกับสุราเมรัยให้ทุกท่านให้อ่านกันครับ  วันนี้ผมขอเปิดตัวบทความแรกของผมกับบทความที่ว่าด้วยแก้วครับ ผิดพลาดประการใดต้องรบกวนนักอ่านทุกท่านช่วยติชมชี้แนะด้วยครับ

แก้วที่ผมนำมาทดสอบมีอยู่2ตัวครับ  ใบแรกมีชื่อเรียกว่าGlencairnครับ
 ซื่งต่อจากนี้ไปผมจะขอเรียกแก้วตัวนี้ว่าแก้วG
แก้วใบนี้ผมได้รับการอุปการะจากคุณตือเพื่อนสมาชิกของเรานี่เอง กระผมต้องขอขอบคุณไว้ ณที่นี้ด้วยครับ

แก้ว Gนั้นเป็นสินค้าของบริษัท Glencairn Crystal LtdจากประเทศScotland ซึ่งถูกออกแบบโดยนาย Raymond Davidsonผู้ซึ่งเป็นMDของบริษัทดังกล่าวซึ่งในขั้นตอนการออกแบบนั้นเค้าได้เชิญmaster blenderจากโรงผลิตใหญ่ทั้ง5แห่งมาร่วมออกแบบด้วย(แต่ข้อมูลไม่ได้บอกว่ามาจากโรงไหนบ้าง)  แก้วGนั้นได้ถูกผลิตและจำหน่ายออกสู่ตลาดเป็นครั้งแรกในปี2001

แก้วใบที่2นั้นเป็นแก้วที่มาจากบริษัทผู้ผลิตแก้วที่โด่งดังและเก่าแก่ที่มีชื่อว่าRiedel   ต่อจากนี้ไปผมจะขอเรียกแก้วนี้ว่าแก้วR 
ถิ่นกำเนิดแก้วนี้นั้นมาจากประเทศออสเตรีย ซึ่งทำการผลิกแก้วมาตั้งแต่ปี1756  บรรดานักชิมไวน์ทั้งหลายนั้นคงจะรู้จักแก้วRเป็นอย่างดีเหล่าบรรดาSommelierจากทั่วโลกทั้งหลายก็ใช้แก้วจากที่นี่เป็นอาวุธประจำกายแต่พักหลังค่ายนี้ได้จัดทำแก้วสำหรับเครื่องดื่มอื่นๆออกมาหลายตัวเหมือนกันหลังจากที่เมื่อก่อนเล่นแต่แก้วไวน์อย่างเดียว


เหล้าที่ผมใช้ในการทดสอบแก้วทั้ง2ใบนั้นเป็นเหล้าสามัญประจำบ้านของผมเอง นั้นก็คือGlenlivet 12yoซึ่งตัวนี้เป็นเหล้าที่ผมดื่มบ่อยที่สุดและเป็นเหล้าที่ไม่มีความซับซ้อนทางโครงสร้างอะไรมากนักโดยการทดสอบในครั้งนี้ผมได้รินเหล้าลงในแก้วในปริมาณที่เท่าๆกันและรินในเวลาเดียวกัน

เริ่มจากหัวข้อแรกกันก่อนเลย 
 ทรง
แก้วทั้ง2ไปนั้นมีทรงที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงแก้วGนั้นจะมีลักษณะเหมือนดอกบัวตูมและมีปากที่เล็ก ซึ่งการออกแบบในลักษณะนี้คงมีวัตถุประสงค์ที่ว่าตัวแก้วนั้นสามารถใส่เหล้าได้ในปริมาณมากในระดับนึงและทำการบีบกลิ่นที่ออกมาจากเหล้าเหล่านั้นให้แคบลงเพื่อที่จะให้กลิ่นที่ปล่อยออกมาจากปากของแก้วมีความชัดเจนสูง(เหมือนกับดัน,บีบกลิ่นให้พวยพุ่งออกมาจากแก้ว) ซึ่งแก้วตัวนี้จะได้เปรียบในเรื่องการดมกลิ่น
แก้วRถูกออกแบบให้มีทรงยาว(TUBE) แต่มีทีเด็ดที่การทำปากแก้วเป็นทรงปากแตรโดยมีวัตถุประสงที่ว่าเวลาดื่มนั้นเหล้าจะถูกสัมผัสจากปลายลิ้นก่อนก่อนที่จะดื่ม

การถือแก้ว
แก้วG
ผมไม่แน่ใจว่าควรต้องจับในบริเวณไหนของแก้วผมเลยจับที่ฐานซะเลย พบว่าในการถือแก้วนั้นอาจจะลำบากไปนิดคือเหมือนว่าต้องหงายข้อมือขึ้นมาตลอดเวลาจับแก้วซึ่งถ้าจับนานๆอาจเมื่อยมือได้
ปล. 1.ผมอาจจะจับแก้วGผิดวิธีถ้าท่านใดทราบวิธีการจับแก้วที่ถูกต้องรบกวนชี้แนะด้วย 
2.สาเหตุที่ผมไม่จับที่ตัวแก้วโดยตรงก็เพราะว่าคราบเหงื่อหรือลายนิ้วมือของผมอาจจะไปติดที่ตัวแก้วและอาจทำให้มองขา,สีเหล้าไม่สะดวก

แก้วR
 ตัวนี้นั้นผมเลือกที่จะจับที่ฐานเช่นกัน แต่ผมขอใช้คำว่าหนีบน่าจะดีกว่า เพราะเวลาหนีบแก้วไปนี้นั้นผมใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้หนีบที่ฐานและยกแก้ว  ซึ่งรู้สึกว่าถือสะดวกกว่าแก้วG สาเหตุที่สะดวกกว่าก็คือผมไม่ต้องฝืนข้อมือในการยก


การส่องขา
ทั้ง2ใบทำได้ดีเท่ากันครับ สามารถแสดงขาได้ชัดเจนดี แต่ด้วยเนื้อแก้วของแก้วRที่ทำมาได้ใสกว่าแก้วGจึงทำให้แก้วRนั้นจะสามารถมองขาได้ง่ายกว่าครับ

การดม
อันนี้แน่นอนครับแก้วGสามารถทำคะแนนได้ดีกว่าด้วยรูปทรงที่ถูกออกแบบมาสำหรับดมโดยเฉพาะ จับกลิ่นได้ชัดเจนกว่า รุนแรงกว่า จากผลทดลองคือว่ารินเหล้าในเวลาเดียวกันแต่เวลานำมาดมกลิ่นผมพบว่ากลิ่นที่ออกมาจากแก้วGนั้นจะยังมีกลิ่นLพวยพุงออกมา ซึ่งแตกต่างจากแก้วRที่จะไม่มีกลิ่นของLออกมาเลย  ซึ่งผมแนะนำว่าควรจะเทเหล้าทิ้งไว้ซักพักใหญ่ๆเพื่อให้กลิ่นLหมดไปเพื่อทำการหากลิ่นที่ชัดเจนมากขึ้นครับ ในขณะที่แก้วRนั้นทำได้ไม่ต่างกับแก้วโอลด์ แฟชั่นทั่วๆไป

การดื่ม
แก้วGนั้นเนื่องด้วยจากปากที่แคบทำให้เวลาดื่มนั้นขอบล่างของแก้วจะอยู่ที่บริเวณริมฝีปากบนและขอบบนของแก้วอยู่ที่บริเวณปลายจมูกพอดี ทำให้เหมือนกับการบังคับให้เราดื่มและดมได้ในเวลาเดียวกันซึ่งเป็นข้อดีของแก้วไปนี้ แต่ข้อเสียคือผู้ดื่มจะต้องเองหัวไปทางหลังเพื่อให้เหล้าไหลเข้าปาก(ปากแก้วมันแคบ) ตำแหน่งที่เหล้าไหลลงสู่ลิ้นของผู้ดื่มนั้นคือตำแหน่งเกือบกลางๆของลิ้น และอีกอย่างคือถ้านักดื่มคนไหนรีบเร่งดื่มจนเกินไปอาจจะสำลักเหล้าเอาได้ง่ายๆ
แก้วR  จากรูปทรงปากแตรและมีปากที่กว้างนั้นทำให้ผู้ดื่มไม่ต้องเอียงหัวไปทางด้านหลังแต่อย่างใด แค่ทำการกระดกแก้วเหมือนกับที่เคยทำก็สามารถดื่มได้โดยสะดวก แต่อาจจะมีข้อดีตรงที่ว่าปากแก้วที่บานออกมานั้นมันจะทำให้เหล้าไหลเข้าไปได้อย่างsmoothมาก 

สรุป
อย่างแรกต้องขอบอกว่าแก้วทั้ง2ใบนั้นบอบบางมาก เรียกว่าพอใช้เสร็จแล้วต้องรีบล้างแล้วเก็บให้ดีเลยทีเดียว มิเช่นนั้นอาจจะโดนจานชามใบอื่นมากระแทกจนทำให้แก้วบิ่นหรือแตกได้(ส่วนตัวแล้วผมล้างด้วยมือไม่ใช้ฟองน้ำล้าง)
ความคิดเห็นของผมที่มีต่อแก้วทั้ง2 ถ้าหากวันไหนต้องการพักผ่อนสบายๆชิลๆกับเหล้าแนะให้ใช้แก้วR แต่ถ้าวันไหนคุณอยากรู้จักและสนินสนมกับเหล้าให้มากขึ้น ผมแนะนำให้ใช้แก้วGเพราะถึงแม้ว่าแก้วGนั้นจะทำการดื่มลำบากแต่ก็มีทีเด็ดที่หัวข้อการดมกลิ่น
แต่สำหรับผมแล้วผมเลือกใช้แก้วRเพราะมันทำให้ผมดื่มง่ายกว่าและที่สำคัญถ้าแตกไปยังพอหาซื้อได้ในบ้านเรา ซึ่งแก้วGนั้นหาซื้อในบ้านเราได้ยากมาก
และถ้าวันไหนผมใช้แก้วGขึ้นมานั่นก็แสดงว่าผมต้องการทำความรู้จักเหล้าที่ผมดื่มให้มากขึ้นนั่นเอง

                ขอบคุณทุกท่านครับที่อดทนอ่านมาจนจบถ้ามีคำแนะนำติชมอะไรก็รบกวนชี้แนะด้วยครับ และอย่าลืมนะครับว่าบทความนี้ถูกกลั่นขึ้นมาจากความรู้สึกส่วนตัวของผมล้วนๆ ซึ่งในความเป็นจริงนั้นมันอาจจะไม่ใช่ตามที่ผมบอกก็อาจเป็นได้



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น