พวกผมแค่ชมชอบในรสชาติของสุรา เรื่องราวที่เขียน เริ่มต้นจากความชอบและความสนใจ ที่นำไปสู่การค้นหา
เมื่อได้รับรู้ และทดลองด้วยตัวเองแล้วก็อยากแบ่งปันให้กับเพื่อนๆ และคนอื่นๆ ที่สนใจในเรื่องเดียวกันครับ

ข้อคิดเห็นที่ให้เกี่ยวกับเรื่องการร่ำสุราในแต่ละประเภท เป็นความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ ที่ได้มาจากการลองของด้วยตัวเอง
ที่แค่อยากรู้ และอยากลองตามประสาครับ ผิดถูกประการใดก็คงไม่สามารถรับรองได้ครับ ขอน้อมรับคำแนะนำ และติชมทุกประการครับ


*** หมายเหตุ *** สงวนสิทธิ์สำหรับการอ่านและนำไปใช้ประกอบบทความเพื่อการแลกเปลี่ยนความรู้กัน และไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปใช้ในเชิงพาณิชย์ทุกอย่างครับ

วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2555

Kilchoman Spring Release 2011 46% @Macallan Whisky Bar&Lounge( Part 1)





เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมาผมได้ไปเที่ยวมาเก๊ากับท่านผบ.ทบ.และเจ้านายใหญ่ โดยเป้าหมายของแต่ละคนก็ต่างกันซึ่งตัวผมเองก็มุ่งเป้าไปหาอะไรก็เรารู้ๆ กันอยู่แล้ว โดยมีสถานที่หนึ่งที่ผมตั้งใจว่าจะไปให้ได้คือ Macallan Whisky Bar&Lounge ซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ของโรงแรม Galaxy บนฝั่งไทปา (ใครอยากจะเดินทางมาที่นี่ง่ายๆ ครับแค่ขึ้นรถบัสของโรงแรมได้ทั้งที่สนามบินและท่าเรือ ขึ้นฟรีดิ่งตรงถึงโรงแรมเลยครับ) ร้านนี้เปิด 17.00น. นะครับมาเร็วไปอาจต้องไปเดินเล่นก่อน


 
การตกแต่งร้านเป็นสไตร์ British bar มีทั้งเฟอร์นิเจอร์ไม้ เขาสัตว์ เตาผิง โซฟาหนัง ให้อารมณ์หรูๆ ขรึมๆ ครับ และแน่นอน ชั้นวางเหล้าที่ทำให้คุณตาลายได้เลย (ยังมีอีกหลายตู้โชว์และชั้นขนาดใหญ่ซึ่งผมไม่กล้าถ่ายมาลงเดียวทางร้านจะว่าเอา)


ที่ร้านนี้แม้จะขึ้นชื่อว่า Macallan แต่ก็มีวิสกี้จากหลายสำนักเอาเป็นว่าน่าจะมีทุกเจ้าในสก็อตร์รวมไปถึงญี่ปุ่น อินเดีย ไอริส ฯลฯ แต่ Vintage ในร้านเด่นๆ ราคาดุๆ ขวดเป็นแสนเป็นล้านก็คงหนีไม่พ้น Macallan และ Highland Park ครับส่วนเหล้าจากสำนักอื่นๆ ก็จะเป็นรุ่น Standard ไปจนถึงรุ่นหายากในระดับกลางๆ (หายากระดับกลางเช่น Octomore, Caol Ila Cask Strength, Lagavulin distiller edition ปีเก่าๆ เป็นต้น)


และแน่นอนเมื่อผมมาถึงร้านนี้แล้วก็คงไม่พลาดที่จะต้องลิ้มลองวิสกี้แจ่มๆ ซักหน่อยโดยผมเลือก Kilchoman Spring Release 2011 ซึ่ง Kilchoman เป็นโรงกลั่นที่เพิ่งจะกลับมาเปิดใหม่เมื่อในปี 2004 ตัวโรงกลั่นตั้งอยู่บน Islay ที่ผมเลือกตัวนี้เพราะผมคิดว่าหายากสำหรับผมและที่น่าสนใจคือโรงกลั่นนี้ใช้เหล้าที่อายุน้อยในการ Blend โดยส่วนประกอบของขวดนี้ใช้เหล้าที่บ่มเพียง 3ปี 70%และเหล้าที่บ่ม 4ปีอีก 30% มาผสมกัน แต่ที่พิเศษคือเหล้าถังที่บ่ม 4ปีถูก Finish ในถัง oloroso sherry ที่มีบ่มเหล้ามาแล้ว 20ปี บรรทุกดีกรีแอลกอฮอล์ถึง 46% เสริฟมาพร้อมน้ำแร่ และถั่วอัลมอล+เม็ดมะม่วงจำนวนมหาศาล



Appearance: สีมองไม่ชัดเพราะร้านมืดมาก ส่วนขากลาง ใหญ่ ไหลหนืดๆ ให้อารมณ์ว่าบอร์ดี้มาแน่ๆ

Aroma: Peat, ควัน เต๊ะจมูก

Taste: รสหวาน สัมผัสเผ็ดร้อน กลิ่นหอมดอกไม้ กลิ่นไม้สดๆ ตบด้วยควันบุหรี่ บอร์ดี้ฉ่ำๆ มาแบบอูมๆ

With Water: Peat, ควันบุหรี่เด่นมาก ติดรสหวานมันเนย

Finish: จบฉ่ำนิดๆ ไม่ Dry ทิ้งกลิ่นควันยาวนานอย่างกับสูบบุหรี่จนคนข้างๆ ทัก






สรุป: ผมคิดว่าตัวนี้มาแบบครึ่งๆกลางๆระหว่าง Bowmore 15ปี Mariner กับ Lagavulin 16ปี โดนมีกลิ่นควันและความสดจบแบบฉ่ำนิดๆแล้ววิ่งไป Dry  ผมรู้สึกประทับใจกับเหล้าตัวนี้ กับสิ่งที่คนทำต้องการสื่อแม้อายุจะน้อยแต่หมัดหนักใช่เล่นสำหรับผมผู้เสพควันคิดว่ารสชาติดีกว่าเหล้าอายุมากๆ หลายตัวเลยครับ

และแน่นอนมาร้านนี้ทั้งทีคงไม่จบแค่เหล้าตัวเดียวครับ ติดตามต่อ Part 2 ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น