ตามที่กระผมได้ไปสำรวจแหล่งจัดหาที่สิงคโปร์โดยมีโคต้าว่าจะจัดหนักๆ มาซักตัวแต่เอาเข้าจริงแต่ละร้านนี่มันไกลเหลือเกิน ทางผบ.ทบ.เลยลงอาญาให้ไปได้ร้านเดียวซึ่งเป็นร้านที่ใกล้ที่สุดแต่แพงที่สุดร้าน Highlander ตั้งอยู่ใกล้กับ MRT สถานี Clarke Quay (รอบๆ บริเวณมีร้านอาหารและผับ บาร์มากมาย ราคาก็ดุๆ ทั้งนั้น)
ไปถึงหน้าร้านก็...อึ๊งครับ เหล้าเต็มตู้ เปิดเมนูมาไปกันใหญ่ของดีๆ และของหายากมีเพียบ แต่เห็นราคาก็ถึงขั้นหนาวเหน็บ
ผมจัด Lagavulin 12 Year Old ตัวนี้เป็น Cask strength ราคาแก้วละ 25$สิงค์โป++ เรื่องดีกรีก็ไม่ต้องห่วงทะลวง50ปลายๆ แน่นอน เสริฟร์มาในแก้เย็นๆ พร้อมน้ำแข็ง1แก้ว กับน้ำแร่ Fiji อีกขวด(ท่านผบ.ฯ บอกว่าราคาเกือบ7ร้อยได้มาแค่เนี่ย...ถ้าท่านสังเกตุดีๆ จะเห็นเหล้าติดอยู่ก้นแก้วหน่อยนึง )
สี: เนื่องจากบรรยากาศมืดไปหน่อยสีเลยไม่ชัด มองโดยรวมออกเหลืองเข้ม แต่ใสคล้าย Ardbag10y
ขา: ขากลางไหลช้า...อันนี้ผมไม่ขอแกว่ง กลัวระเหยหมด แต่แค่พนักงานเอามาตั้งก็เห็นขาแล้วครับ
ดม: กลิ่นควันลอยมาเลยครับแต่ไม่มีกลิ่นโรงพยาบาล เป็นกลิ่นควันและ Peatyที่แน่นๆ ผสมกับกลิ่นพวกผลไม้แห้งคล้ายลูกเกต ไม่เลี้ยนวนิลา หรือโอ๊ค
เอาใส่ปาก:.... ลิ้นแทบขาดดีกรีมันแรงไปหน่อย เลยต้องใส่น้ำซักนิด...ได้รสหวาน,กลิ่นควันสไตย์ Laphroaig เลยครับต่างตรงที่ไม่ใช่แนวสดชื่นแบบเหม็นเขียว แต่จะฉ่ำคล้ายFruit cake และแถมกลิ่น Malt สวยมากครับไม่มันเลี้ยนด้วย ดื่มง่ายกว่า Laphroaig
สิ้นสุดการเดินทาง: ทิ้งกลิ่นควันและ Malt บวกความหวานแบบตรงๆ แถมอาการชาลิ้นนิดๆ ยาวถึงยาวมาก
สรุป: หลังจากผมได้ชิมมาหลายตัวจนเริ่มคุ้นลิ้น Lagavulin ทำให้ผมได้เจอเหล้าอีกสไตย์นึง ถ้าติดที่ราคาไม่แพง(ร้านนี้ขายแบบขวด444$++ คูณเป็นเงินไทยก็เป็นหมื่นครับ ) ควรจัดเข้าบ้านอย่างยิ่งทั้งกลิ่นทั้งรสสมดุลดีมากครับแถมfinishยังยาวแบบไม่เปลืองเหล้าเอาเป็นว่าไอ้แก้วเล็กๆ เนี่ยผมยกอยู่เกือบชั่วโมงเพราะจิบแค่นิดเดียวกลิ่นมันอบอวนอยู่ได้นานครับ โดยรวมผมประทับใจครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น