สวัสดีครับมิตรรักนักดื่มทุกท่าน หลังจากที่ห่างหายการรีวิวไปนานแสนนาน วันนี้ผมมาแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกับค่าย DALWHINNIE
ตัวที่ผมเลือกมารีวิวในวันนี้เป็นตัว15ปี43%volครับ(ซึ่งผมมีอยู่ตัวเดียว) แถมเจ้านี่ยังถูกเลือกให้เป็นClassic malts of scotlandจากเขตHIGHLANDด้วยครับ
โรงนี้ถูกก่อตั้งขึ้นในปี1897 เริ่มกลั่นในปี1898 แถมยังขึ้นชื่อว่าเป็นโรงกลั่นเหล้าที่มีตำแหน่งตั้งอยู่สูงที่สุดในประเทศScotland คืออยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล327เมตร ซ้ำยังบอกอีกด้วยว่า น้ำที่ใช้ในการผลิตวิสกี้ในโรงนี้นั้น เค้าใช้หิมะที่ละลายตามธรรมชาติแล้วไหลผ่านสายน้ำลงมา
เกริ่นมานานแล้วขอเริ่มรีวิวเลยแล้วกันครับ
สี......ทองอร่าม
กลิ่น......หอมหวานของวนิลามาเต็มๆ,กลิ่นดอกไม้ที่หอมละมุนอบอวล แซมpeatมาบ้างเล็กน้อย ถ้าไม่ตั้งใจหาควันนี่แทบไม่เจอเลยครับ ดมใกล้ๆก็ยังไม่มีอาการBURNที่จมูก(อาจเป็นเพราะผมรินทิ้งไว้สักพักก็เป็นได้)
รสชาติ.....หวาน สด ใหม่ เต็มปากเต็มคำ ไม่มีการบาดปากบาดคอให้เห็น รสชาติค้างบนลิ้นพอสมควร
จบ....... จบแบบพอประมาณค่อนข้างไปทางที่ประทับใจ หยดน้ำลงไปนิดกลิ่นดีงามขึ้นกว่าเดิม กลิ่นหอมหวานเผยตัวขึ้นมมากกว่าเดิม
สรุป
เป็นอีกตัวที่ผมประทับใจครับ ปกติจะดื่มแต่สายควัน ไม่ค่อยจะได้ดื่มสายสดใสสักเท่าไหร่ แต่ตัวนี้โดนเข้าไป ผมถึงกับยอมครับ ดื่มง่าย ดื่มได้เรื่อยๆ อโรม่าดี ผ่อนคลายความเครียด รสชาติดียิ่งหยดน้ำลงไปยิ่งดื่มง่ายขึ้น ดีไม่ดีคนเดียวครึ่งขวดก็ไปได้เอาง่ายๆ คืนนี้โดนไป3แก้ว ถือว่ากำลังดี พอให้หลับสบาย กู้ดไนท์ ราตรีสวัสดิ์ ครับ
ปล.บางท่านอาจจะสงสัยว่าโรงกลั่นอยู่สูงขนาดนั้นจะมีpeatได้อย่างไร peatที่โรงกลั่นนี้มาจากBOG (PEAT BOG)ที่อยู่รอบๆโรงกลั่นหรือให้แปลเป็นภาษาไทยก็คือพวกที่ราบที่มีน้ำขังเช่นพรุ,หนอง อะไรนั่นเองครับ
ขอให้ทุกคนมีความสุขในการดื่มครับ/Choke
พวกผมแค่ชมชอบในรสชาติของสุรา เรื่องราวที่เขียน เริ่มต้นจากความชอบและความสนใจ ที่นำไปสู่การค้นหา
เมื่อได้รับรู้ และทดลองด้วยตัวเองแล้วก็อยากแบ่งปันให้กับเพื่อนๆ และคนอื่นๆ ที่สนใจในเรื่องเดียวกันครับ
ข้อคิดเห็นที่ให้เกี่ยวกับเรื่องการร่ำสุราในแต่ละประเภท เป็นความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ ที่ได้มาจากการลองของด้วยตัวเอง
*** หมายเหตุ *** สงวนสิทธิ์สำหรับการอ่านและนำไปใช้ประกอบบทความเพื่อการแลกเปลี่ยนความรู้กัน และไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปใช้ในเชิงพาณิชย์ทุกอย่างครับ
วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
Glenmorangie 18 Yo.
ตั้งใจว่าจากนี้ไปจะเขียนให้อ่านเดือนละขวด เพราะพักหลังมานี่เปิดแล้วดื่มไม่ทัน
แถมพ่วงด้วยอาการขี้เกียจเขียนด้วยอีกต่างหาก เนื่องจากย้ายนิวาสในการดื่มจากใกล้หน้าจอไปนั่งชิวบนดาดฟ้า
ว่าแล้วมาเข้าเรื่องกันดีกว่าครับ
เจ้า Glenmorangie 18 YO ขวดนี้จาก Whisky Bible 2013 ของตา Jim Murray ให้คะแนนไว้ที่ 91
โดยแบ่งเป็น Nose 22 Taste 23 finish 23 และ balance 23 ถือว่าได้คะแนนค่อนข้างดีเลยครับ
คราวนี้เรามาว่ากันแบบลิ้นบ้านๆ กันดีกว่าครับ
เรื่องสีนั้นตาจิมเหมือนไม่ค่อยเน้น แต่ผมขอรายงานละกันว่าสีนั้น ออกไปทางเหลืองทองอำพัน
ใสซ่ะจนดูไม่เหมือนเหล้าที่มีอายุบ่มถึง 18 ปี แต่ขานั้นจัดได้ว่าค่อนข้างหนักไหลอืดพอสมควรครับ
มาว่ากันด้านกลิ่นบ้าง ต้องบอกว่าแปลกที่ผมเหมือนได้กลิ่นของมะละกอสุกนำ
เจือด้วยวนิลาที่เป็นเอกลักษณ์ของเหล้าตระกูลนี้ แถมพักไว้นานได้กลิ่นกรุ่นๆ ของถั่วนิดๆ Dark Chocolate หน่อยๆ พาให้นึกกลิ่นของพวก Cereal รุ่นหนึ่งที่ลูกสาวซื้อมากินเป็นอาหารเช้าครับ
ตัวนี้แปลกที่กลิ่น Citrus ไม่ค่อยเด่นเหมือนรุ่นน้องๆ สักเท่าไหร่ครับ
** หมายเหตุ** กลิ่น Malt และกลิ่นละม้าย Cereal จะชัดขึ้นเมื่อเจือน้ำลงไปเล็กน้อย
ต่อกันที่รสชาติกันครับ
นำโด่งด้วยกลิ่นมะละกอ Dark Chocolate และถั่ว พิตาชิโอ
ปิดท้ายด้วยความเผ็ดแบบพริกไทย เจือด้วยอารมณ์ฉ่ำนิดๆ แห้งหน่อยๆ
แต่เมื่อเจือน้ำลงไปพบว่าดื่มง่ายขึ้น ความหวานนำโด่ง ตามสไตล์หลักของเหล้าตระกูลนี้
จนเรียกได้ว่าหวานเกิ๊นเมื่อเจือด้วยน้ำลงไปเล็กน้อย
After Taste ค่อนข้างจะสั้นไปสักนิด เมื่อดื่มแบบ Neat แต่น่าประทับใจกว่าเมื่อเจือน้ำลงไปเล็กน้อย
ให้ความหวานอวลอยู่ในปากค่อนข้างยาวทีเดียวครับ จนอดรู้สึกอยากยกต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ครับ
สรุปสำหรับเจ้า Glenmorangie 18 YO ขวดนี้สำหรับผมการดื่มที่ลงตัวที่สุดคือเจือด้วยน้ำลงไปเล็กน้อย
ในวันอากาศสบายๆ อยากผ่อนคลาย เลือกเจ้านี่มาเป็นเพื่อนไม่น่าผิดหวังครับ
เจือด้วยน้ำลงไปสักเล็กน้อย จิบเหล้าเคล้าเสียงเพลงที่ชอบ ผมว่ามันลงตัวนะครับ
แถมพ่วงด้วยอาการขี้เกียจเขียนด้วยอีกต่างหาก เนื่องจากย้ายนิวาสในการดื่มจากใกล้หน้าจอไปนั่งชิวบนดาดฟ้า
ว่าแล้วมาเข้าเรื่องกันดีกว่าครับ
เจ้า Glenmorangie 18 YO ขวดนี้จาก Whisky Bible 2013 ของตา Jim Murray ให้คะแนนไว้ที่ 91
โดยแบ่งเป็น Nose 22 Taste 23 finish 23 และ balance 23 ถือว่าได้คะแนนค่อนข้างดีเลยครับ
คราวนี้เรามาว่ากันแบบลิ้นบ้านๆ กันดีกว่าครับ
เรื่องสีนั้นตาจิมเหมือนไม่ค่อยเน้น แต่ผมขอรายงานละกันว่าสีนั้น ออกไปทางเหลืองทองอำพัน
ใสซ่ะจนดูไม่เหมือนเหล้าที่มีอายุบ่มถึง 18 ปี แต่ขานั้นจัดได้ว่าค่อนข้างหนักไหลอืดพอสมควรครับ
มาว่ากันด้านกลิ่นบ้าง ต้องบอกว่าแปลกที่ผมเหมือนได้กลิ่นของมะละกอสุกนำ
เจือด้วยวนิลาที่เป็นเอกลักษณ์ของเหล้าตระกูลนี้ แถมพักไว้นานได้กลิ่นกรุ่นๆ ของถั่วนิดๆ Dark Chocolate หน่อยๆ พาให้นึกกลิ่นของพวก Cereal รุ่นหนึ่งที่ลูกสาวซื้อมากินเป็นอาหารเช้าครับ
ตัวนี้แปลกที่กลิ่น Citrus ไม่ค่อยเด่นเหมือนรุ่นน้องๆ สักเท่าไหร่ครับ
** หมายเหตุ** กลิ่น Malt และกลิ่นละม้าย Cereal จะชัดขึ้นเมื่อเจือน้ำลงไปเล็กน้อย
ต่อกันที่รสชาติกันครับ
นำโด่งด้วยกลิ่นมะละกอ Dark Chocolate และถั่ว พิตาชิโอ
ปิดท้ายด้วยความเผ็ดแบบพริกไทย เจือด้วยอารมณ์ฉ่ำนิดๆ แห้งหน่อยๆ
แต่เมื่อเจือน้ำลงไปพบว่าดื่มง่ายขึ้น ความหวานนำโด่ง ตามสไตล์หลักของเหล้าตระกูลนี้
จนเรียกได้ว่าหวานเกิ๊นเมื่อเจือด้วยน้ำลงไปเล็กน้อย
After Taste ค่อนข้างจะสั้นไปสักนิด เมื่อดื่มแบบ Neat แต่น่าประทับใจกว่าเมื่อเจือน้ำลงไปเล็กน้อย
ให้ความหวานอวลอยู่ในปากค่อนข้างยาวทีเดียวครับ จนอดรู้สึกอยากยกต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ครับ
สรุปสำหรับเจ้า Glenmorangie 18 YO ขวดนี้สำหรับผมการดื่มที่ลงตัวที่สุดคือเจือด้วยน้ำลงไปเล็กน้อย
ในวันอากาศสบายๆ อยากผ่อนคลาย เลือกเจ้านี่มาเป็นเพื่อนไม่น่าผิดหวังครับ
เจือด้วยน้ำลงไปสักเล็กน้อย จิบเหล้าเคล้าเสียงเพลงที่ชอบ ผมว่ามันลงตัวนะครับ
วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
Glenfiddich Reserve Cask 40%
สวัสดีครับเพื่อนๆ รีวิวตามภาษาคนไทย
วันนี้ผมขอเสนอวิสกี้ที่ผมดื่มบ่อยที่สุดยี่ห้อหนึ่งแต่ไม่ค่อยจะได้รีวิว วันนี้โอกาสดีผมขอเสนอ Glenfiddich Reserve Cask เป็นหนึ่งในซีรี่ส์
Cask Collection รุ่นนี้จะทำตลาดอยู่ตาม Duty Free ใครเดินทางก็ต้องพบเจอตามสนามบินอย่างแน่นอน
สำหรับรุ่น Reserve Cask มาในขวดสีแดงแถมยังใช้วิธี Solera vat มองเผินๆ
เลยอาจจะคล้ายๆ รุ่น 15ปี จนทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้ว่ามันเป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่หรือป่าว
เพื่อคลายความสงสัยก็ต้องจัดมาแล้ว ก็เอามาชิมเทียบกับรุ่น 15 ปีไปเลย
Appearance:
สีทองเข้มคล้าย 15ปี และมีขาขนาดกลางไหลช้า
Aroma: กลิ่นวนิลา โอ๊ค และติดกลิ่นคล้ายพริกไทย ผลไม้ตากแห้งฉ่ำๆ มาบางๆ
Taste: รสเผ็ดนำ สัมผัสในปากนั่ว ผาดๆ บนลิ้น กลิ่นแอลกอฮอล์ วนิลา
ท๊อฟฟี่ชัดพอสมควร
With
Water: รสเผ็ดจางลงไปบ้าง แต่กลิ่นแอลกอฮอล์ยังชัด
วนิลายังมีให้จับได้บ้าง
Finish: ทิ้งสัมผัสเผ็ดกับบอร์ดี้มันๆ ในปาก และแห้งๆ ที่คอ กลิ่นตีกลับไม่ค่อยมี
จบไปแบบเงียบๆ
สรุป: ไม่เหมือนตัว 15 ปีซักเท่าไหร่ ทาง 15 ปีเขาจะนุ่มๆ ฉ่ำน้ำผึ้งลื่นๆ
ดื่มง่ายๆ แต่มาทางนี้ออกเผ็ดๆ วนิลา กลิ่นน้องแอลฯ ค่อนข้างจะชัด
ที่เด่นน่าจะเป็นที่สัมผัสมาทั้ง Spice ที่ปาก, Richกระพุ้งแก้ม, Dryบนลิ้นและลำคอ
ส่วนตัวคิดว่าผสมน้ำหน่อย หรือใส่น้ำแข็งก็กินง่ายดี กับ Single Malt
Whisky ค่าตัวประมาณไม่ถึงสองพันก็ถือว่าใช้ได้ทีเดีย
ปล. มีเกมส์ให้เพื่อนๆ เล่นเพื่อจะได้มีโอกาสได้มีประสบการณ์ร่วมกับผมเพียง
1. เข้าไป comment ว่า "ขอลองน้ำปลาซัก 1 จิบ" ใต้รีวิวใน
Fanpage เย็นย่ำก็ร่ำสุรา https://www.facebook.com/yenyumramsura
2. Message ชื่อ, ที่อยู่ เข้าไปที่ Fanpage เย็นย่ำก็ร่ำสุรา
ผู้ร่วมสนุก 2 ท่านแรกเท่านั้นที่จะได้รับของที่ระลึก
ปล. มีเกมส์ให้เพื่อนๆ เล่นเพื่อจะได้มีโอกาสได้มีประสบการณ์ร่วมกับผมเพียง
1. เข้าไป comment ว่า "ขอลองน้ำปลาซัก 1 จิบ" ใต้รีวิวใน
Fanpage เย็นย่ำก็ร่ำสุรา https://www.facebook.com/yenyumramsura
2. Message ชื่อ, ที่อยู่ เข้าไปที่ Fanpage เย็นย่ำก็ร่ำสุรา
ผู้ร่วมสนุก 2 ท่านแรกเท่านั้นที่จะได้รับของที่ระลึก
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)