พวกผมแค่ชมชอบในรสชาติของสุรา เรื่องราวที่เขียน เริ่มต้นจากความชอบและความสนใจ ที่นำไปสู่การค้นหา
เมื่อได้รับรู้ และทดลองด้วยตัวเองแล้วก็อยากแบ่งปันให้กับเพื่อนๆ และคนอื่นๆ ที่สนใจในเรื่องเดียวกันครับ

ข้อคิดเห็นที่ให้เกี่ยวกับเรื่องการร่ำสุราในแต่ละประเภท เป็นความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ ที่ได้มาจากการลองของด้วยตัวเอง
ที่แค่อยากรู้ และอยากลองตามประสาครับ ผิดถูกประการใดก็คงไม่สามารถรับรองได้ครับ ขอน้อมรับคำแนะนำ และติชมทุกประการครับ


*** หมายเหตุ *** สงวนสิทธิ์สำหรับการอ่านและนำไปใช้ประกอบบทความเพื่อการแลกเปลี่ยนความรู้กัน และไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปใช้ในเชิงพาณิชย์ทุกอย่างครับ

วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2554

CAOL ILA Aged 12 Years

ฝนตกซ่ะค่อนวัน จนอากาศเริ่มชักจะเย็น หาอะไรมาเปลี่ยนบรรยากาศดีกว่า
นึกๆ แล้วก็ว่าเอากลิ่นควันมารมปากสักหน่อยเผื่อว่ามันจะช่วยให้อุ่นๆ ขึ้นมาบ้าง
ว่าแล้วก็เลือกเจ้านี่ Coal Ila มาลองดีกว่าเพราะหลงเสน่ห์เหล้าจาก Islay เข้าแล้วจริงๆ



เหมือนเดิมทุกครั้งนะครับ กับลิ้นบ้านๆ ตาถั่วๆ ของผมไม่รับประกันความถูกต้องว่ากันไปตามประสาครับ
สำหรับเจ้า Caol Ila นี้อ่านออกเสียงว่า คูลเอลล่า (Cull Eela) นะครับ เป็นภาษา Gaelic
แปลได้ว่า Sound of Islay หรือเสียงของถิ่นเกาะ อืม... หลังจากชิมรสชาติของเกาะจาก Jura คราวนี้เราจะได้ฟังเสียงของเกาะกันบ้างแล้ว

เริ่มที่สีก่อนครับครั้งนี้ สีของขวดนั้นเป็นสีน้ำตาลเข้มทำให้มองไม่ค่อยจะออกครับว่าสีจริงเป็นสีอะไร

เมื่อรินออกมาสีเป็นสีทองใสๆ ครับ ระหว่างที่รินกลิ่นชวนให้นึกถึง Laphroaig อยู่ไม่น้อย
แต่กลิ่นบางกว่านิดหน่อยครับ ไม่ชัวร์ครับ แต่.... เดี๋ยวสักวันจะจับมาชนกันครับ เพราะ Laphroaig ยังคงเหลืออยู่
มาที่ขากันบ้างครับ เนื่องจากว่าสีนั้นออกทองใสมากๆ ทำให้ดูขาได้ค่อนข้างยากครับ ต้องวนดูอยู่หลายรอบ
พบว่าขาค่อนข้างหนักไหลช้าหนักกำลังดีเชียวครับ ต้องบอกว่าสังเกตุขาได้ยากมากจริงๆ ครับเพราะความใสของเหล้า



มาต่อกันที่กลิ่นกันบ้างครับ กลิ่น peat ค่อนข้างชัดเจนมากๆ ครับ ไม่มีกลิ่นโรงพยาบาล
ใครที่ไม่ชอบกลิ่นสะอาดๆ ของ Laphroaig เจ้านี่น่าจะพอแทนได้ไม่เลวเชียวครับ
เจือด้วยกลิ่นผลไม้รสเปรี้ยวนิดๆ ไม่ค่อยมีกลิ่นควันสักเท่าไหร่ครับ กลิ่นวนิลามีนิดหน่อยพอให้คนชอบความหอมได้ชื่นใจกันครับ มีกลิ่นสดชื่นคล้ายกลิ่นไอของทะเลปนอยู่ด้วยนิดหน่อยครับ



ว่ากันที่รสชาติบ้างครับ จิบแรกหวานนำ ตามด้วยควันหอมๆ คล้ายกับ Laphroaig แต่ไม่แน่นเท่า
ตามด้วยความฉ่ำนิดๆ ไม่มีบาดลิ้นและคอ แต่เมื่อกลั้วจะพบอาการ Burn เล็กน้อยครับ
สิ่งที่แปลกคือจบด้วยความแห้ง และทิ้งกลิ่นควันไว้ในปาก  และลำคอ
After taste นั้นก็แปลกทิ้งความแห้ง เจือความฉ่ำ คือแบบว่าจะว่าแห้งก็ไม่แห้ง จะว่าฉ่ำก็ไม่ฉ่ำ
แต่ก็น่าประทับใจครับ ชวนให้อยากจิบต่อแบบเรื่อยๆ ไม่รู้เบื่อ อาการคล้ายกับเวลาที่เราสูบบุหรี่แล้วไปดื่มน้ำเย็น
กลิ่นควันมันจะออกมาทางจมูกหน่อยๆ ด้วยอ่ะครับ ดื่มชากันดีก่า



สรุปแล้วสำหรับผม ตัวนี้น่าประทับใจจนน่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่จะนำมาเป็นเหล้าสามัญประจำบ้านได้อีกตัวครับ
เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบกลิ่น และรสชาติหนักๆ ของ Laphroaig
หรือว่าเป็นตัวเลือกสำหรับที่จะลองก้าวเข้าหารสชาติของ Islay ได้เป็นอย่างดีครับ ดื่มชากันดีก่า

วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554

Glenfiddich 12 years old 40%



ผมเคยดื่ม Glenfiddich 12 ปีเมื่อนานมาแล้วซึ่งถือได้เลยว่าเจ้านี่เป็น Single Malt ตัวแรกๆ ที่ทำให้ผมเข้าสู่โลกของ whisky และบ้าจนทุกวันนี้แต่ที่น่าเสียดายคือตอนนั้นได้ลองแบบเป็นแก้วแต่ไม่รู้ว่ามันมีกลิ่นอะไรบ้างรู้แต่ว่ามันเข้มข้นดี

เจ้านี่ข้างขวดเขียนว่าหมักในถัง Oloroso Sherry และ Bourbon คาดเดาว่าน่าจะเผ็ดตามสไตร์ถัง Sherry ขอบอกตามตรงว่าน้ำลายไหลมากๆ เพราะผมเป็นคนที่ชอบเหล้าสไตร์เผ็ดร้อนหมัดหนักดุดันขอปราบพยศหน่อยเถอะ


Appearance: สีทองเข้ม(ไปทางน้ำตาล) และมีขาเล็กยาวไหลอืดอาด




Aroma: กลิ่
นวนิลามาเบาๆ ให้ความรู้สึกหอมหวาน

Taste: รสหวานนุ่ม เลี่ยนมันเล็กๆ และมีกลิ่นวนิลาอ่อนๆ แต่ไม่ออกเปรี้ยวน้ำผึ้ง

With Water: รสสัมผัสดีขึ้น(นุ่มขึ้น) หวานมันกำลังดีและมีกลิ่นวนิลาจางๆ

Finish: ทิ้งรสหวานและสัมผัสมันๆ กลิ่นวนิลาไว้เล็กน้อย ถือว่าค่อนข้างสั้น

สรุป: ผิดคาดที่ไม่เผ็ดแต่ออกแนวหวานมัน(Rich) มีกลิ่นวนิลาอ่อนๆ ส่วน Finish ก็สั้นๆ ถือว่ามีความสมดุลแบบเบาๆ กำลังดี โดยรวมผมว่าตัวนี้จะคล้าย The Macallan Select Oka แต่ความแน่นของกลิ่นและ Finish จะน้อยกว่า(ถ้าให้ความแน่น The Macallan ระดับ 5 เจ้านี่จะประมาณ 2) ใครชอบแนว Rich กลิ่นโอ๊ค-วนิลา นุ่มๆ อ่อนๆ ไม่ฉุนเกินไป Glenfiddich 12ปี ถือว่าผ่านเหมาะสำหรับเริ่มต้นสู่สาย Single Malt ครับ

วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2554

The Glenlivet 15 Yo

เปิดทิ้งไว้หลายวัน จิบไปบ้างล่ะ ต้องบอกว่าประทับใจ และคุ้มค่าสมราคา
สำหรับขวดนี้ผมได้มาราคาเต็มแสตมป์ไทยครับ  
ขอรีวิวกันแบบลิ้นบ้านๆ เหมือนเช่นเคยครับ 
เริ่มที่สีนั้นออกแนวทองแดงหน่อยๆ ค่อนข้างเข้มเมื่อเทียบกับตัว 12 ปีครับ
ด้วยความที่มักบ่มนานกว่าและ finish ด้วยถัง French Oak อีกครั้งครับ


ต่อกันที่ขาครับ ขาและเนื้อนั้นจัดว่าค่อนข้างหนัก ขาใหญ่ไหลช้ากำลังดีครับ


ว่าด้วยกลิ่นยิ่งไปกันใหญ่ครับ กลิ่นหอมๆ ของดอกไม้ ผลไม้รสเปรี้ยว เจือด้วยกลิ่นชัดๆ ของ Oak ที่มาแบบจัดเต็ม
ชวนให้อยากยกดื่มเป็นอย่างยิ่ง



สัมผัสแรก... หวาน หอม เจือความเผ็ดร้อน กลิ่นของผลไม้รสเปรี้ยวค่อนข้างชัด แต่ไม่เปรี้ยว
มีแต่กลิ่นที่เรียกว่ากลิ่นซิกตัส (สะกดถูกหรือปล่าวหว่า)  ค่อนข้างชัดทิ้งค้างอวลๆ ไว้ในปาก
กับความแห้ง ที่ไม่ฉ่ำเหมือน Glenmorangie ครับ
ด้าน After taste นั้นไม่ค่อยยาว แต่ก็สร้างความประทับใจได้พอประมาณ
จัดว่าค่อนข้างดีแต่ไม่เหมาะกับคนชอบแนวหนักๆ จำพวก Islay ครับ



ลองดื่มคู่กับ Shortbread นั้นพบว่าความแห้งชัดเจนขึ้นไปอีกครับ


สำหรับผมแล้วตัวนี้ค่อนข้างประทับใจครับ เอาไว้สลับบรรยากาศกับความฉ่ำ หรือจำพวกกลิ่นจัด หมัดหนักแบบ Islay ได้เป็นอย่างดีเชียวครับ ว่าแล้วขอลาไปสร้างความประทับใจต่อก่อนละคร๊าบ....

ความคิดเห็นทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวแบบลิ้นบ้านๆ เหมือนทุกครั้ง
และไม่รับประกันความถูกต้องเหมือนเช่นเคยนะครับ