พวกผมแค่ชมชอบในรสชาติของสุรา เรื่องราวที่เขียน เริ่มต้นจากความชอบและความสนใจ ที่นำไปสู่การค้นหา
เมื่อได้รับรู้ และทดลองด้วยตัวเองแล้วก็อยากแบ่งปันให้กับเพื่อนๆ และคนอื่นๆ ที่สนใจในเรื่องเดียวกันครับ

ข้อคิดเห็นที่ให้เกี่ยวกับเรื่องการร่ำสุราในแต่ละประเภท เป็นความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ ที่ได้มาจากการลองของด้วยตัวเอง
ที่แค่อยากรู้ และอยากลองตามประสาครับ ผิดถูกประการใดก็คงไม่สามารถรับรองได้ครับ ขอน้อมรับคำแนะนำ และติชมทุกประการครับ


*** หมายเหตุ *** สงวนสิทธิ์สำหรับการอ่านและนำไปใช้ประกอบบทความเพื่อการแลกเปลี่ยนความรู้กัน และไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปใช้ในเชิงพาณิชย์ทุกอย่างครับ

วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เมาไม่รั่วมั่วส่งการบ้านกับ Royal Lochnagar

การบ้านอีกหนึ่งที่ได้รับปันส่วนมาจากงาน Meeting ครั้งล่าสุดที่ กทม.
เข้าเรื่องกันแบบลิ้นบ้านๆ กันเลยดีกว่าครับ

สี ทองแดงเข้มๆ น่าจะผ่านการบ่มด้วยถัง Sherry มาด้วยแน่ๆ เพราะรินออกมากลิ่นก็นำโด่งมาก่อนเลย

กลิ่น Sherry เน้นๆ ข้นๆ เจือด้วย Citrus ออกไปทางบ๊วยมากกว่าส้ม บอกได้เลยว่าดมก็ทีไม่มีเบื่อ

รสชาติ ต้องบอกว่าเป็นอีกตัวที่ร้อง "เฮ้ย" มันโดนอ่ะ เป็นรอง Macallan 25 นิดๆ
ทิ้งความเผ็ดแต่เนียนไว้ให้โหยหา เชอรี่เน้นๆ แต่ยังไม่ฟินเท่า Macallan 25
แต่ก็ลื่นจนซดหมดแก้วไปอย่างงงๆ เหมือนมาทำให้หลงแล้วก็จากไป

After Taste ทิ้งความแห้งแฝงความฉ่ำจางๆ พอให้โหยหา เผ็ดร้อนนิดๆ
อ้อยอิ่งด้วยกลิ่นไม้ไหม้จางๆ รวมแล้วประทับใจ

คหสต. แค่ได้สัมผัสเพียงครั้งก็ไม่เสียใจแล้วตัวนี้ ชอบเลยนะ แต่ด้วยราคาประมาณนี้เราเลิกกันเถอะนะคนดี พี่กระเป๋าแบน


วันเสาร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เมาไม่รั่วมั่วส่งการบ้านกับ Big Peat Christmas Edition

สำหรับการบ้านขวดนี้ได้รับมาจากคุณโชค เมื่อคราวสงกรานต์ที่ผ่านมาครับ

จัดเป็นครั้งแรกที่ได้ลองกับยี่ห้อนี้ ว่าแล้วเราก็มาเข้าเรื่องกันตามประสาลิ้นบ้านๆ กันดีกว่าครับ

สี ออกทางทองใสๆ

กลิ่น Peat เน้นๆ เต็มๆ เจือด้วยกลิ่นชายทะเล ไม้ไหม้แช่น้ำ แต่ก็ให้อารมณ์สดชื่นอยู่ในที เหมือนเดินเลียบชายหาด

รสชาติ ไม้ไหม้ ติดทางหวานนิดๆ ให้ความรู้สึกดีกว่า Octomore เผ็ดร้อน ควันเน้นๆ เต็มปากเต็มคำ ติดกลิ่นคาร์บอนมากกว่ารมควัน หยดน้ำลงไปค่อยดีขึ้นมาหน่อย ดื่มง่ายขึ้นแค่ติดทางขม และยังคงเผ็ดร้อน
ให้สัมผัสร้อนแรงดีชะมัด

After Taste ควันฟุ้งคลุ้งอยู่ในปาก แต่ไม่ไช่รมควัน เหมือนตกอยู่กลางวงไฟป่าที่ล้อมตัวเราไว้หมดแล้ว
ให้ความรู้สึกชาไปทั้งปาก

คหสต. ใครจะรักก็ใครจะชอบก็ช่างเถอะ ขอมุ่งทางสายหวานตามทางของตัวเองดีกว่า แนวนี้คงไม่ใช่แนวของชายจริงๆ

ปล. ทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ ไม่รับประกันความถูกต้อง
หากมีโอกาสเชิญสัมผัส และตัดสินด้วยตัวเอง
อย่ารีบเชื่อผมจนกว่าคุณจะได้ลองด้วยตัวเองครับ

วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Singleton of Glen Ord 12 years old 40%



สวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกครั้ง ช่วงนี้ผมปลีกเวลาไปเปิดร้าน Whisky's Soul เลยทำให้ไม่ค่อยมีเวลาเขียนรีวิวให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน แต่ผมไม่ได้หายไปไหนนะครับยังคงเสาะหาวิสกี้ที่เขาว่าดีว่าเด็ดมาลองอยู่เนืองๆ

วันนี้ที่หยิบเล่าสู่กันฟังเป็นวิสกี้ที่มีขายในบ้านเราแถมราคาไม่แรงประมาณพันกลางๆ ยี่ห้อ Singleton of Glen Ord เป็นวิสกี้จากโรงกลั่นชื่อ Glen Ord อยู่ในเขต Highland ของสก๊อดแลนด์ ส่วนยี่ห้อ Singleton นี้หากเพื่อนๆ ไปเมืองนอกจะเห็นบ่อยแต่ต้องอ่านข้างหลังดีๆ นะครับเพราะแต่ละขวดอาจจะมาจากโรงกลั่นอื่นอีก 4 โรงกลั่นได้แก่ Dufftown, Glengullan, Auchroisk

สำหรับโรงกลั่น Glen Ord นี้ตั้งอยู่บน Black Isle มีคำว่าเกาะแต่ไม่ใช่เกาะนะครับเป็นพื้นที่แหล่มยื่นออกไปจากแผ่นดินใหญ่ถ้าดูจากแผ่นที่อาจจะคล้ายเกาะ ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1820 มีแหล่งน้ำธรรมชาติที่สำคัญคือ Loch nam Bonnach และ Loch nan Eun โดยตั้งแต่ก่อตั้งก็ล้มลุกคลุกคล้านเปลื่อนมือเจ้าของบ่อยครั้งจนเจ้าของปัจจุบันคือ Diageo เจ้าพ่อน้ำเมาที่เรารู้จักกันดี รุ่นที่เราจะชิมกันวันนี้คือ 12ปี บอกตามตรงว่าผมเคยเปิดดื่มแล้วแต่ด้วยความลื่นเลยหมดไปแบบงงๆ ในคืนเดียว ไม่ได้เขียนรีวิวให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน





Appearance: สีทอง ออกส้ม ค่อนไปทางเข้ม ใส ขาขนาดกลางไหลลงยาวๆ ไม่เร็วไม่ช้า

Aroma: กลิ่นวนิลา ลูกเกด มีกลิ่นแอลกอฮอล์เล็กน้อย ประดับอบเชยนิดๆ

Taste: หวานนำ สัมผัสนุ่มนวลมาก วนิลายังเด่น มีน้ำผึ้งแทรมมาเล็กน้อย และมีเครื่องเทศเล็กน้อย

With Water: สัมผัสยิ่งนุ่มนวลกว่าเดิม กลิ่นวนิลา น้ำผึ้ง คลาเมล มันเนย

Finish: ทิ้งความเผ็ดไว้เล็กน้อย แต่ยังหวานมันภายในปากจนถึงริมฝีปากและเหลือกลิ่นไม้สดๆ ไว้สั้นๆ


สรุป: เป็นวิสกี้ที่มีความนุ่มนวลเป็นเอกลักษณ์ ถ้าถามว่าใน range ราคาเท่าๆ กันเชื่อเลยว่า Singleton of Glen Ord 12ปี ตัวนี้ต้องถูกจัดอันดับไว้บนๆ อย่างแน่นอน แต่ที่น่าสังเกตุอย่างหนึ่งคือปกติเวลาเทวิสกี้ใส่แก้วแล้วทิ้งไว้ซักพักกลิ่นของแอลกอฮอล์จะค่อยๆ จางลงไปแต่กับตัวนี้กลิ่นแอลกอฮอล์กลับเด่นชัดขึ้น ดังนั้นผมแนะนำว่าเทแล้วรีบดื่มจะได้สัมผัสที่นุ่มนวลพร้อมด้วยกลิ่นหอมหวานของถัง Ex-bourbon ที่ชัดเจน

วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เมาไม่รั่วมั่วส่งการบ้านกับ Octomore

การบ้านวันนี้เป็นการปันส่วนมาจาก Meeting ครั้งล่าสุดของเพื่อนชาวมักเหล้าคลับ @ กทม. ครับ
Octomore หลายคนว่ามันสุดติ่งกระดิ่งแมวมากสำหรับสายควัน

คหสต. ก่อนดื่ม อย่าเชื่อจนกว่าจะได้ลองเอง

ว่าแล้วเรามาเมาไม่รั่วมั่วส่งการบ้านกันตามประสาลิ้นบ้านๆ กันดีกว่าครับ

กลิ่น Peat เจือด้วยกลิ่นทะเลจางๆ ไม่โหดร้ายเหมือน Ardbeg10 ควันเบาๆ ไม่ดุร้ายเหมือน Bowmore และ Laphroaig ส่งท้ายด้วยกลิ่นหอมๆ ของวนิลานิดๆ
ชักจะเคลิ้ม มิน่าสายควันถึงหลงกันนัก

รสชาติ..... คุณหลอกดาว!!!
กลิ่นละมุ่นแต่รสชาติเผ็ดร้อน Carbon มาเต็ม ไม้ไหม้ฟุ้งอยู่เต็มปาก ใครช่วยเรียกรถดับเพลิงให้ผมที

After Taste ไม้อะไรมาไหม้อยู่ในปากตรู ดุเด็ดชะมัด ช่างทำร้ายจิตใจสายหวานอย่างผมยิ่งนัก ToT

คหสต. หลังจากดื่ม ใครจะรักจะชอบ ก็เอาที่สบายใจเลยนะครับ ส่วนผมครั้งเดียวก็เกินพอ
Ardbeg 10 ที่ว่าชอบแต่ไม่รัก ถ้ามาตั้งให้เลือกพร้อมกัน ขอรัก Ardbeg ก็ได้ฟร่ะ

ปล. ความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ ไม่รับประกันความถูกต้องเหมือนเช่นเคยครับ และอย่าเชื่อจนกว่าคุณจะได้สัมผัสด้วยตัวเอง

วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เมาไม่รั่วมั่วส่งการบ้านกับ Ardbeg Corryvreckan

การบ้านขวดนี้ถ้าจำไม่ผิดน่าจะส่งมาจากคุณแจ็ค ผมเองก็ดองไว้ค่อนข้างนานทีเดียวครับ
ต้องขออภัยด้วยครับที่เก็บมานานจนแทบจะลืมไปแล้วว่าการบ้านนี้ผู้ใดส่งมาให้
ว่าแล้วเรามาเข้าเรื่องกันตามประสาลิ้นบ้านๆ ไม่รับประกันความถูกต้องเหมือนเช่นเคยทุกครั้งกันดีกว่าครับ
ปล. อย่าเชื่อจนกว่าคุณจะได้สัมผัสด้วยตัวเอง

กลิ่น สัมผัสแรกที่ได้มันอ่อนโยนและเป็นมิตรว่าตัว Ardbeg 10 แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์ที่เฉพาะตัวของ Ardbeg ได้ครบถ้วน
โดนเฉพาะกลิ่น Peat ที่เฉพาะตัว ตัวเนื้อควันดมแล้วค่อนข้าง Smooth ว่าตัว 10 กลิ่นตัวน้องแอลเล็กน้อย
ไม่ค่อยมีกลิ่นยางมะตอย น้ำมันเครื่องสักเท่าไหร่

รสชาติ ติดออกแนวหวานขม ให้อารมณ์ว่าจะรักหรือจะเลิกบอกไม่ถูก หลักๆ หนักไปทางยาสูบเจือด้วยความหวานนิดๆ
รวมๆ แล้วถูกโฉลกกว่าตัว 10 แต่ยังไม่รักเท่ากับ Laphroaig


After Taste ยาสูบค่อนข้างยาว และนานพอควร เหมือนสูบบุหรี่รสหวานนิดๆ เผ็ดหน่อยๆ
รวมๆ จัดว่าน่าประทับใจสำหรับผมมากกว่าตัว Ardbeg 10

คหสต. กลิ่นควันของค่ายนี้หนักไปทาง Tobacco Smoke มากกว่า Peat Smoke หรือ ควันแบบอาหารรมควันของค่าย Laphroaig

Conclusion สำหรับผม ชอบแต่ไม่รักครับตัวนี้