พวกผมแค่ชมชอบในรสชาติของสุรา เรื่องราวที่เขียน เริ่มต้นจากความชอบและความสนใจ ที่นำไปสู่การค้นหา
เมื่อได้รับรู้ และทดลองด้วยตัวเองแล้วก็อยากแบ่งปันให้กับเพื่อนๆ และคนอื่นๆ ที่สนใจในเรื่องเดียวกันครับ

ข้อคิดเห็นที่ให้เกี่ยวกับเรื่องการร่ำสุราในแต่ละประเภท เป็นความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ ที่ได้มาจากการลองของด้วยตัวเอง
ที่แค่อยากรู้ และอยากลองตามประสาครับ ผิดถูกประการใดก็คงไม่สามารถรับรองได้ครับ ขอน้อมรับคำแนะนำ และติชมทุกประการครับ


*** หมายเหตุ *** สงวนสิทธิ์สำหรับการอ่านและนำไปใช้ประกอบบทความเพื่อการแลกเปลี่ยนความรู้กัน และไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปใช้ในเชิงพาณิชย์ทุกอย่างครับ

วันอังคารที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2558

Nikka All Malt

Pure Malt จาก Nikka ขวดนี้ต้องบอกว่ามีดีซ่อนอยู่ครับ
เข้าเรื่องกันตามประสาลิ้นบ้านๆ เลยนะครับ

กลิ่น Malt หอมๆ รวมทั้งวนิลานำโด่ง ยิ่งดมยิ่งชอบใจ เหมาะกับบรรยากาศยามเย็นในฤดูร้อนอย่างนี้เลย

สี ออกทางทองแดงเล็กน้อย เดาว่าน่าจะมีส่วนผสมของ Malt ที่ผ่านการบ่มด้วยถังเชอรี่อยู่ด้วย

รสชาติ ออกทางสดใส แต่ติดแนวจืดไปสักนิด ติดมันๆ ของธัญพืชจำพวกถั่ว เจือด้วยกลิ่นมะละกอสุก
ออกไปทาง Dry หน่อยๆ และไม่ควัน

After Taste สั้น และเผ็ดเล็กน้อย จิบสบายคลายร้อน

ในยามเย็นกลางฤดูร้อน หลังเลิกงาน หยิบมาตั้งกลางวงพูดคุยสนทนากับเพื่อนถือเป็นตัวเลือกที่ลงตัว
หรือจะนั่งจิบผ่อนคลายสบายๆ ก็ไม่ว่ากัน หนังสือดีๆ สักเล่ม หรือจะเป็นหนังดีๆ สักเรื่อง จิบไปอ่านไปหรือดูหนังไป
ส่วนจะให้เลือกมาเป็นเหล้าสามัญประจำบ้าน สำหรับผมขอเลือกเป็น Suntory Royal ดีกว่าครับ

ขอนิยามด้วยความเห็นส่วนตัวสำหรับ Nikka All Malt ขวดนี้ดังนี้ครับ
เหมือนสาวหน้าตาบ้านๆ แต่น่าสนใจ มองผ่านๆ ก็งั้นๆ แต่ก็อดที่จะแอบมองเป็นระยะๆ ไม่ได้
คือตอนจิบก็งั้นๆ แต่ความรู้สึกหลังจิบมันกลับให้ความสุขใจ จนอดลังเลไม่ได้ว่าจะจิบต่อหรือไม่จิบต่อดีครับ

ขอบคุณเฮีย City อีกครั้งที่หอบหิ้วมาฝากเพื่อนคนนี้ให้ได้ลิ้มลองครับ

ปล. ความเห็นทั้งหมดเป็นความรู้สึก และข้อคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ ไม่รับประกันความถูกต้องเหมือนเช่นเคยนะครับ


วันพุธที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2558

Ardbeg TEN 46%



หลังจากผ่านพ้นปีเก่าต้อนรับปี 2558 ปีนี้ก็ขอให้ทุกๆ ท่านมีความสุข ความเจริญ และที่สำคัญสุขภาพแข็งแรงครับ

ช่วงปลายปีค่อมต้นปีผมจะยุ่งมากๆ ด้วยเรื่องงานและธุระต่างๆ เลยไม่ได้เขียนรีวิวให้เพื่อนๆ อ่านกันแต่ก็ไม่ได้หายไปไหนครับ ยังคงนั่งร่ำสุราอยู่เช่นเคย ในฐานะที่ผมเป็นคนชอบวิสกี้ที่มีกลิ่นควันรีวิวแรกของปีนี้ผมขอเจิมด้วยเหล้าแห่งควันนามว่า Ardbeg TEN จากเกาะ Islay เช่นเคย สำหรับประวัติคร่าวๆ ของโรงกลั่น Ardbeg ลองย้อนไปอ่านรีวิวเกาะ Islay ที่ผมเคยเขียนไว้ได้ครับ

มาว่ากันด้วยเรื่องของเจ้า TEN ขวดนี้ดีกว่า Ardbeg TEN มีอายุบ่ม 10ปี จะถือว่าเป็นตัวหลักในการทำการตลาดของค่ายนี้เลยก็ว่าได้ ถังที่ใช้บ่มหลักๆ น่าจะเป็น ex-bourbon บรรจุมาในขวดสีเขียวเข้มฉลากสีดำดูขรึม อัดมาแบบ Non-chilled filter 46% แอลกอฮอล์ จากข้อมูลมีระดับความควันถึง 55ppm ถือว่าสูงมากหากเทียบกับเหล้าที่เราคุ้นเคยอย่าง JW Black ที่อยู่ในระดับไม่ถึง 12ppm


Appearance: สีทองเหลืองใสมาก (pale gold) ขาเล็กยาวไหลช้า

Aroma: กลิ่นควันน้ำมันเครื่อง กาแฟ หมูย่าง ชอคโกแล็ต เนยไหม้

Taste: สัมผัสเผ็ดกลางๆ หวานนำ กลิ่นคลาเมลไหม้ น้ำผึ้งไหม้ อบเชย

With Water: เผ็ดน้อยลงกลิ่นควันยังคงเด่น บอร์ดี้ยังถือว่าแน่น

Finish: กลิ่นควัน ถ่านไม้ น้ำมันก๊าซ บอร์ดี้ค่อยๆ จาง จบไปแบบยาวพอสมควร

สรุป: สำนักนี้ผมชอบเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเป็นโรงกลั่นที่มีเรื่องราวมากมาย แถมวิสกี้ตัวมาตราฐานอย่าง Ardbeg TEN มีทั้งกลิ่นควันพร้อมความหวานมันทำให้ได้น้ำหนักของรสชาติและกลิ่นที่หนักแน่นชัดเจนเป็นเอกลักษณ์เหมาะกับนักดื่มวิสกี้ที่เริ่มเข้าสู่เส้นทาง Hardcore และข่าวดียิ่งกว่าไม่แน่ว่าจะมี Ardbeg เข้ามาให้ลองกันในบ้านเราอีก 2 รุ่นแต่เป็นรุ่นไหนนั้นไว้แน่ชัดแล้วจะมาเล่าให้ฟัง