พวกผมแค่ชมชอบในรสชาติของสุรา เรื่องราวที่เขียน เริ่มต้นจากความชอบและความสนใจ ที่นำไปสู่การค้นหา
เมื่อได้รับรู้ และทดลองด้วยตัวเองแล้วก็อยากแบ่งปันให้กับเพื่อนๆ และคนอื่นๆ ที่สนใจในเรื่องเดียวกันครับ

ข้อคิดเห็นที่ให้เกี่ยวกับเรื่องการร่ำสุราในแต่ละประเภท เป็นความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ ที่ได้มาจากการลองของด้วยตัวเอง
ที่แค่อยากรู้ และอยากลองตามประสาครับ ผิดถูกประการใดก็คงไม่สามารถรับรองได้ครับ ขอน้อมรับคำแนะนำ และติชมทุกประการครับ


*** หมายเหตุ *** สงวนสิทธิ์สำหรับการอ่านและนำไปใช้ประกอบบทความเพื่อการแลกเปลี่ยนความรู้กัน และไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปใช้ในเชิงพาณิชย์ทุกอย่างครับ

วันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

Laphroaig Select Cask

หลังจากโดนเพื่อนๆ ในกลุ่มมักเหล้าคลับรุมกันสะกดจิตหมู่กับน้องสาหร่ายขวดนี้ สุดท้ายไม่พ้นต้องถอยเข้าบ้านมาจนได้
ศุกร์แห่งชาติวันนี้จึงขอเอามาเหล่าสู่กันฟังตามประสาลิ้นบ้านๆ จมูกบ้านๆ เหมือนเช่นเคยนะครับ

เริ่มต้นกันที่สีก่อน ออกไปทางทองใสๆ ด้วยอายุของเหล้าคงไม่มาก แต่ไม่ทราบว่ากี่ปี เพราะขวดนี้ไม่ระบุอายุเอาไว้ครับ
และจากหลังขวดพอจะบอกได้ว่าการบ่มสุดท้ายก่อนบรรจุนั้น บ่มด้วย new American Oak Casks ซึ่งไม่ค่อยทำกันใน Scotch Whisky
เหตุนี้จึงทำให้สีของเหล้าออกไปทางทองใสๆ ครับ

แต่กลับแปลกที่ขาเหล้าใหญ่ และไหลค่อนข้างอืดทีเดียวครับ

ต่อกันที่กลิ่น วันนี้ผมเลือกใช้แก้วสองใบเพราะต้องการให้ชัดในอรรถรสของเหล้าจริงๆ ครับ
กลิ่นที่ได้จากแก้ว Glencairn นั้นหนักทาง peat ค่อนข้างชัดเจน ตามด้วยกลิ่นที่ทำให้รู้สึกอยากได้ Shortbread มาแกล้มเป็นอย่างยิ่งครับ
กลิ่นตัวน้องแอลเล็กน้อย ไม่มาก กลิ่นของควันไม่ค่อยมีมาก ส่วนที่ขาดไปอย่างสำคัญสำหรับผมคือกลิ่น "โรงพยาบาล"
เจ้า Select Cask ขวดนี้ขาดเอกลักษณ์สำคัญของ Laphroaig ครับ

ส่วนกลิ่นที่ได้จากแก้ว Riedel นั้นก็ไม่ค่อยต่างกันสักเท่าไหร่ครับ ได้ peat จางๆ คงเป็นเพราะปากแก้วที่บานออกทำให้กลิ่นออกไปเยอะครับ
จับกลิ่นควันได้เล็กน้อย แต่ไม่ค่อยมีกลิ่นตัวน้องแอลสักเท่าไหร่ครับ

คราวนี้มาถึงส่วนสำคัญกันสักทีครับ

เริ่มกันที่แก้ว Riedel ก่อนนะครับ peat นำมาอย่างชัดเจน ตามด้วยควันเล็กน้อย ดื่มได้ค่อนข้างง่าย
ขวดนี้ผมว่าน่าจะถูกใจพี่บ่าวเข้มที่ไม่ชอบกลิ่นโรงพยาบาลของมัน แต่สำหรับผมมันทำให้รู้สึกขาดเอกลักษณ์ไป
ทำให้ไม่รู้สึกถึงความต่างของเหล้าจาก Islay ครับ กลายเป็นเหล้าพื้นๆ ที่ไม่มีความต่าง หรือความเป็นเอกลักษณ์ไปเลยครับ

ด้าน After Taste นั้นค่อนข้างดี แต่ไม่น่าประทับใจเท่าตัว 10 ปีครับ มีกลิ่นยาสูบเล็กน้อย ละม้ายทาง Arbeg แต่ไม่ทรมาณเท่า
จบแบบสูบบุหรี่เสร็จ ไม่มีกลิ่นของยางมะตอย น้ำมันเครื่องให้ทรมาณใจ

รวมๆ แล้วไม่รัก แต่ก็ไม่ชัง ถือเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้าได้ 10 ปีคงดีกว่านี้ แต่ถ้าให้เลือกระหว่างเจ้านี่กับ Arbeg 10 ขอเจ้านี่ให้ผมแทนละกันครับ

มาต่อกันที่แก้ว Glencairn ครับ

ให้ความรู้สึกเผ็ดเล็กน้อย กลิ่น peat ลดลง ให้ความรู้สึกเหมือนไม่ค่อยโดนครับ ดื่มด้วยแก้ว Riedel น่าจะเหมาะกว่าครับ
จบแบบไม่น่าประทับใจเอาซ่ะเลยครับ กลิ่นยาสูบปิดท้ายหนักกว่า Riedel แปลกดีเหมือนกัน แก้วต่างกันให้ความรู้สึกได้ต่างขนาดนี้

After Taste คล้ายๆ กันครับ กลิ่นยาสูบวนๆ อยู่ในปากนี่เลยชัดมาก ให้ความรู้สึกเหมือนสูบบุหรี่หมดมวน
รวมๆ คล้ายกันกับแก้ว Riedel ครับ

โดยสรุปแล้วสำหรับเจ้า Laphroaig Select Cask ขวดนี้น่าจะเหมาะสำหรับผู้อยากลอง Laphroaig ครับ
แต่คงไม่เหมาะสำหรับคนที่รักในเอกลักษณ์ของ Laphroaig อย่างผมครับ มันขาดเอกลักษณ์ของความเป็น Laphroaig ไป
เหมือนเป็นเหล้าทั่วไปจากย่าน Islay แค่มีดีที่กลิ่น peat กับ ยาสูบ
ส่วนกลิ่นอโรม่าหอมๆ citrus, hospital smell สำหรับคนรัก Laphroaig อย่างผมค่อนข้างผิดหวังครับ
แม้แต่กลิ่นรมควันก็ยังไม่มีอีกต่างหาก รวมๆ ให้ผ่านแต่ไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ครับ ว่าแล้วคงต้องตามล่า 10 ปีมาเข้าเล้าแล้วละครับ

ปล. ความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ ไม่รับประกันความถูกต้องเหมือนเช่นเคยนะครับ

วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

Glenfarclas Aged 12 Years

สวัสดีชาวโลก เอ้ย สวัสดีเพื่อนๆ ชาวมักเหล้าคลับ @montfort27.com ห่างหายจากการเขียนเล่าสู่กันฟังตามประสาลิ้นบ้านๆ ไปนาน
เนื่องจากภาวะกำจัดเหล้าเก่าไม่หมดสักที ผมขอต้อนรับเทศกาลเข้าพรรษาด้วยการเปิดขวดใหม่ทีเดียว 5 ขวดรวด
จัดเป็นเหล้าใหม่จริงๆ ที่ยังไม่เคยเล่าให้เพื่อนๆ ได้ฟังกัน 3 ขวด ได้แก่ 
Glenfarclas 12 ปี ขวดนี้
Laphroaig Select
Old Pulteney 12 ปี
ก็จะค่อยๆ นำมาเล่าสู่กันฟังตามประสาลิ้นบ้านๆ เหมือนทุกครั้งนะครับ

สำหรับวันนี้ขอเริ่มกันที่ Glenfarclas Aged 12 years ขวดนี้ก่อนเลยด้วยความประทับใจในกลิ่น และรสชาติ ของเขาครับ
เหมือนได้ความรู้จักเพื่อนใหม่ ที่คุ้นเคยกันได้อย่างรวดเร็วครับ

ขอเริ่มที่ความเห็นฝรั่งจากหนังสือ Jim Murray's Whisky Bible 2013 ที่คุณเบียร์ใจดีส่งมาให้ผมเป็นฐานข้อมูลก่อนนะครับ

อิตา Jim ให้คะแนนกลิ่นไว้ที่ 23.5 และให้คำจำกัดความของกลิ่นไว้ว่า 
A wonderfully fresh mix of grape and mint.

สำหรับผมนั้นตอนที่ครั้งแรกที่ลองผมใช้แก้ว Glencairn ซึ่งให้วูบแรกที่ดมให้กลิ่นคล้ายไวน์องุ่นที่บ่มในถังเชอรี่ 
แต่วันนี้ผมใช้แก้ Reidel กลับให้กลิ่นของผลไม้รสเปรี้ยว หรือ Citrus ที่คุ้นเคย ตามด้วยกลิ่น mint เล็กน้อย เจือด้วยกลิ่น Malt และ Oak จางๆ คะแนนกลิ่นรวมๆ ด้วยจมูกบ้านๆ อย่างผมจัดว่าชอบสำหรับกลิ่นนี้ครับ ให้ที่ 24 ละกันความชอบกลิ่นส่วนตัวล้วนๆ ครับ

ต่อกันที่รสชาติครับ อิตา Jim ให้คะแนน รสชาติไว้ที่ 24 ซึ่งถือว่าสูงทีเดียวครับ และให้คำจำกัดความว่า
Light, youthful, playful, mouthwatering. Less plodding honey, more vibrant Demerara and juiced-up butterscotch.

คราวนี้มากันด้วยลิ้นและปากบ้านๆ ของผมกันบ้างดีกว่าครับ
น้ำผึ้ง มันๆ หวานๆ หอมๆ ให้ลูกเล่นได้ดี ให้ความรู้สึกสดชื่นได้ดี ไร้ควันกวนใจ สำหรับผู้ที่ไม่นิยมสายควัน จบท้ายด้วยความรู้สึกคล้ายๆ กับ butterscotch ในปากเล็กน้อย ไม่มีอาการ burn มารบกวน รวมๆ ผมให้ 23 ละกันครับ เพราะเหมือนมันจะขาดๆ เกินๆ ไปนิดหน่อยสำหรับผมครับ

Finished ตา Jim แกให้ 23 พร้อมบรรยายว่า
Long, with soft almost ice-cream style vanillas with a grapey  topping.

สำหรับผมแล้ว After taste ถือว่าค่อนข้างยาว ให้ความรู้สึกเหมือนกลิ่นองุ่นวนๆ เวียนอยู่ในปากเล็กน้อยให้ความรู้สึกฉ่ำปนแห้งนิดๆ
เอาไป 23 เหมือนกันครับ


Balance 23.5 สำหรับอิตา Jim พร้อมบรรยายดังนี้
A superb re-working of an always trustworthy malt. This dramatic change in shape works a treat and suits the malt perfectly. What a sensational success!!!

รวมคะแนนทั้งหมดของอิตา Jim อยู่ที่ 94 ถือว่าดีทีเดียวครับ สำหรับสายไม่ควัน เพราะปกติอีตานี่มันจะกดคะแนนเหล้าสายไม่ควันอยู่ครับ

ส่วนตัวผม ถือว่าแปลกใหม่เหมือนได้รู้จักเพื่อนใหม่แปลกหน้าแต่ทำความคุ้นเคยกันได้ไม่ยากครับ 
สำหรับ Glenfarclas ขวดนี้คุ้มค่าสมค่าตัว ถึงต่อให้ได้แบบมีแสตมป์ ซึ่งค่อนข้างจะแรงมว๊าก
แต่ได้จาก Duty Free แบบนี้มันเกินคุ้มมากครับ ยกให้ผมให้ 24 ครับ
รวมคะแนนจากผม 94 เท่ากันพอดี ขวดนี้ผมให้ผ่านยิ่งกว่าผ่าน น่าหาราคาดีๆ จาก Duty Free มาเป็นเหล้าสามัญประจำบ้านยิ่งนักครับ