สวัสดีครับเพื่อนๆ
หลังจากกระแสเรื่องห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนสังคม online วนกลับมาอีกคราวพวกเราแอดมินก็ถกถึงแนวทางที่อยากจะนำเสนอสาระอย่างไรให้เป็นไปตามกฎหมายและยังคงความรู้อย่างครบถ้วน
โดยผมเองจะยังคงนำเสนอบทความแหมือนเดิมแต่อาจจะปรับปรุงเนื้อหาให้สอดคล้องกับกฎหมายและรับผิดชอบต่อสังคมต่อไป
สำหรับวันนี้ผมขอเล่าถึงวิสกี้ตัวหนึ่งจากฝั่งญี่ปุ่น ซึ่งชื่อโรงกลั่นนี้น่าจะไม่คุ้นหูกับคนไทยซักเท่าไหร่ เพราะโรงกลั่นนี้เป็นเพียงโรงกลั่นเล็กๆ แถวยังปิดตัวอย่างถาวรไปแล้วอีกต่างหาก แต่ที่วันนี้ผมขอหยิบยกขึ้นมาเขียนเพราะมักจะมีคนถามว่าทำไมวิสกี้ญี่ปุ่นถึงแพงผิดหูผิดตาในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ก็คงพูดได้ว่าส่วนหนึ่งมาจากไอ้โรงกลั่นนี้นี่แหละ ถ้าอ่านถึงตรงนี้ผมเชื่อว่าเพื่อนๆ คงพอจะเดาได้นะครับว่าโรงกลั่นนี้มีนามว่าอะไร ใช่แล้วนั่นคือ Karuizawa นั้นเอง
โรงกลั่น Karuizawa ตั้งอยู่ในเมืองมิโยตะ จังหวัดนากาโน่ ประเทศญี่ปุ่น โรงกลั่นนี้ก่อตั้งในปีค.ศ. 1955 และเริ่มดำเนินกิจการปีค.ศ 1956 ซึ่งถือว่าเป็นโรงกลั่นที่เคยมีขนาดเล็กที่สุดในญี่ปุ่น เคยดำเนินกิจการภายใต้ Mercian Corporation ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Kirin (เจ้าของเบียร์ Kirin นั้นแหละ) Karuizawa จะเลือกใช้วัดถุดิบบาร์เลย์นำเข้าจากสก๊อตแลนด์และเน้นใช้ถัง Sherry โดยแหล่งน้ำมาจากภูเขาไฟ Asama ที่ยังไม่ดับสนิท และถูกบ่มอยู่ในโรงบ่มที่ปกคลุมด้วยเถาไอวี่ อ่านถึงนี่คิดถึงรสชาติก็น่าฉงนหละครับ แต่ด้วยขนาดโรงกลั่นที่เล็กอีกทั้งวิสกี้ยังออกมาจำหน่ายหลัง Yamazaki หลายปีจึงทำให้ถูกจำกัดเพียงสินค้าท้องถิ่นไม่เป็นที่แพร่หลายในตลาด อีกทั้งด้วยสภาพเศรษฐกิจ และความนิยมในวิสกี้ลดลงตั้งแต่ช่วงปีค.ศ. 1982 เป็นต้นมา จึงทำให้ Karuizawa ถึงคร่าวต้องหยุดดำเนินกิจการลงในปีค.ศ. 2000 แต่วิสกี้ที่ยังคงค้างอยู่ในโรงบ่มก็มีการเอามาบรรจุและจัดจำหน่ายออกมาบ้างปีละนิดละหน่อยให้ได้พอค่าน้ำค่าไฟและให้แฟนๆ ได้หายคิดถึง
แล้วความบ้าเลือดของมันดันมาเกิดที่มีฝรั่งไปดื่มแล้วบอกว่ามันมีความเป็นญี่ปุ่นมีรสชาติที่มีเอกลักษณ์ บลาๆ พูดต่อๆ กันไป แต่ด้วยความที่มันมีน้อยหายากราคาก็เลยค่อยๆ สูงขึ้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อีกทั้งภายหลังเริ่มมีกลุ่มลงทุนจัดทีมไล่ล่าตามตลาดประมูล บวกกับปีค.ศ. 2012 โรงกลั่นได้ถูกขายและถูกรื้อถอนเป็นที่ดินเปล่าในปีค.ศ. 2013 จึงทำให้ราคาถูกปั่นแบบกู่ไม่กลับไปพร้อมกับ ขวด Vintage ปี 1964 ที่ถูกจำหน่ายในราคา 700,000บาทแก่บาร์และนักดื่มผู้สนับสนุนโรงกลั่นมาอย่างยาวนาน โดยนับแต่นั้นมาราคาวิสกี้ญี่ปุ่นทุกค่ายวิ่งขึ้นไป 3-4 เท่าตัวในทันที ซึ่งวันนี้หากจะดื่ม Karuizawa ซักขวดที่ไม่ใช่ Vintage ปีลึกๆ เชื่อผมได้เลยว่ามีเริ่มต้นขวดละ 5 หมื่นถึง 1แสนบาท และไม่ใช่ว่ากำเงินไปซื้อจะได้นะครับ คุณต้องรู้จักแหล่งจริงๆ ถึงจะเจอ แถมอย่างที่เห็นช่วงราคากว้างมากเพราะขึ้นอยู่กับความพอใจของร้านค้าด้วย
สำหรับวันนี้ผมขอเล่าถึงวิสกี้ตัวหนึ่งจากฝั่งญี่ปุ่น ซึ่งชื่อโรงกลั่นนี้น่าจะไม่คุ้นหูกับคนไทยซักเท่าไหร่ เพราะโรงกลั่นนี้เป็นเพียงโรงกลั่นเล็กๆ แถวยังปิดตัวอย่างถาวรไปแล้วอีกต่างหาก แต่ที่วันนี้ผมขอหยิบยกขึ้นมาเขียนเพราะมักจะมีคนถามว่าทำไมวิสกี้ญี่ปุ่นถึงแพงผิดหูผิดตาในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ก็คงพูดได้ว่าส่วนหนึ่งมาจากไอ้โรงกลั่นนี้นี่แหละ ถ้าอ่านถึงตรงนี้ผมเชื่อว่าเพื่อนๆ คงพอจะเดาได้นะครับว่าโรงกลั่นนี้มีนามว่าอะไร ใช่แล้วนั่นคือ Karuizawa นั้นเอง
โรงกลั่น Karuizawa ตั้งอยู่ในเมืองมิโยตะ จังหวัดนากาโน่ ประเทศญี่ปุ่น โรงกลั่นนี้ก่อตั้งในปีค.ศ. 1955 และเริ่มดำเนินกิจการปีค.ศ 1956 ซึ่งถือว่าเป็นโรงกลั่นที่เคยมีขนาดเล็กที่สุดในญี่ปุ่น เคยดำเนินกิจการภายใต้ Mercian Corporation ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Kirin (เจ้าของเบียร์ Kirin นั้นแหละ) Karuizawa จะเลือกใช้วัดถุดิบบาร์เลย์นำเข้าจากสก๊อตแลนด์และเน้นใช้ถัง Sherry โดยแหล่งน้ำมาจากภูเขาไฟ Asama ที่ยังไม่ดับสนิท และถูกบ่มอยู่ในโรงบ่มที่ปกคลุมด้วยเถาไอวี่ อ่านถึงนี่คิดถึงรสชาติก็น่าฉงนหละครับ แต่ด้วยขนาดโรงกลั่นที่เล็กอีกทั้งวิสกี้ยังออกมาจำหน่ายหลัง Yamazaki หลายปีจึงทำให้ถูกจำกัดเพียงสินค้าท้องถิ่นไม่เป็นที่แพร่หลายในตลาด อีกทั้งด้วยสภาพเศรษฐกิจ และความนิยมในวิสกี้ลดลงตั้งแต่ช่วงปีค.ศ. 1982 เป็นต้นมา จึงทำให้ Karuizawa ถึงคร่าวต้องหยุดดำเนินกิจการลงในปีค.ศ. 2000 แต่วิสกี้ที่ยังคงค้างอยู่ในโรงบ่มก็มีการเอามาบรรจุและจัดจำหน่ายออกมาบ้างปีละนิดละหน่อยให้ได้พอค่าน้ำค่าไฟและให้แฟนๆ ได้หายคิดถึง
แล้วความบ้าเลือดของมันดันมาเกิดที่มีฝรั่งไปดื่มแล้วบอกว่ามันมีความเป็นญี่ปุ่นมีรสชาติที่มีเอกลักษณ์ บลาๆ พูดต่อๆ กันไป แต่ด้วยความที่มันมีน้อยหายากราคาก็เลยค่อยๆ สูงขึ้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อีกทั้งภายหลังเริ่มมีกลุ่มลงทุนจัดทีมไล่ล่าตามตลาดประมูล บวกกับปีค.ศ. 2012 โรงกลั่นได้ถูกขายและถูกรื้อถอนเป็นที่ดินเปล่าในปีค.ศ. 2013 จึงทำให้ราคาถูกปั่นแบบกู่ไม่กลับไปพร้อมกับ ขวด Vintage ปี 1964 ที่ถูกจำหน่ายในราคา 700,000บาทแก่บาร์และนักดื่มผู้สนับสนุนโรงกลั่นมาอย่างยาวนาน โดยนับแต่นั้นมาราคาวิสกี้ญี่ปุ่นทุกค่ายวิ่งขึ้นไป 3-4 เท่าตัวในทันที ซึ่งวันนี้หากจะดื่ม Karuizawa ซักขวดที่ไม่ใช่ Vintage ปีลึกๆ เชื่อผมได้เลยว่ามีเริ่มต้นขวดละ 5 หมื่นถึง 1แสนบาท และไม่ใช่ว่ากำเงินไปซื้อจะได้นะครับ คุณต้องรู้จักแหล่งจริงๆ ถึงจะเจอ แถมอย่างที่เห็นช่วงราคากว้างมากเพราะขึ้นอยู่กับความพอใจของร้านค้าด้วย
มาเข้าเรื่องบุญปากของผมพอดีมีน้องคนนึงเอามาให้ชิม
ขวดนี้เป็น Vintage
ปี 1999-2000 ลำดับที่ 3 ในชุดภูเขาไฟฟูจิ ที่วางจำหน่ายในปี 2015 ทางผู้จัดจำหน่ายบอกว่าครบชุดจะมี
36 ตัว ซึ่งข้อมูลจำนวนแต่ละตัวจะมีกี่ขวดนั้นไม่เป็นที่ชัดเจนแต่น่าจะมีราวๆ 400
ขวด โดยขวดนี้บรรจุมาแบบ Cask Strength ที่ 60.5ดีกรี
Appearance: สีน้ำตาล ทองแดงเข้ม ขาเล็กยาวไหลช้ามาก
Appearance: สีน้ำตาล ทองแดงเข้ม ขาเล็กยาวไหลช้ามาก
Aroma:
กลิ่นลูกเกด คลาเมลไหม้ กานพลู
Taste:
หวานหนาๆ บอร์ดี้หนักๆ กลมเกลี้ยงไม่มีเสี้ยน ผลไม้ตากแห้ง
อินทผาลัม
With
Water: บอร์ดี้ยังหนัก คลาเมล มีกลิ่นคล้ายเปลือกส้มคลายตัวออกมา
และมีกลิ่นคล้ายดอกลำไยมาแบบผิวๆ
Finish
: จบแบบกลมโตในปากและคอ กลิ่นคล้ายพลัมแห้ง ไอศครีมรัมเรซิ่น
ค้างในปากนาน
สรุป
: จุดเด่นๆ ของตัวนี้คือบอร์ดี้ที่ใหญ่โต แต่ไม่ตูมตามอารมณ์คล้ายๆ อมลูกเปตองไว้ในปาก
หนักแต่ไม่เผ็ดแม้ดีกรีปาไป 60 ก็ยังมีความเนียนเรียบ
และมีกลิ่นไปทางขนมเค้กหรือพวกผลไม้อบแห้งที่จะหวานฉ่ำ
ซึ่งในวันนั้นได้ลองชิมเทียบกับ Yamazaki 18ปี และ Hibiki 17ปี
พบว่ามีความแตกต่างกันอย่างมาก และถือเป็นวิสกี้ตัวนึงที่แปลกประหลาดเลยหละ
เสียก็แต่ราคาที่มันเกินตัวไปไกล