หุบเขาแห่งกวางขวดนี้เหมาะสำหรับในยามที่เราต้องการความอบอุ่น และการปลอบโยนได้เป็นอย่างดีเชียวครับ ในวันเหงาๆ หยิบเจ้านี่มานั่งเป็นเพื่อนคลายความเหงาได้เป็นอย่างดีครับ
เริ่มที่สีเช่นเคยนะครับ มองไม่ออกเมื่อตอนที่อยู่ในขวดด้วยความที่ขวดนั้นเป็นสีเขียวมรกตสดใสครับ เมื่อรินอออกมาสีทองสดใสเป็นประกายดูดีเชียวครับ เมื่อแกว่งเพื่อดูขานั้น ขนาดของขากลางๆ ไม่เล็กไม่ใหญ่ ไหลเอื่อยๆ ไม่เร็วไม่ช้า ถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตราฐานครับ
ในเรื่องของกลิ่นนั้น สดชื่นด้วยกลิ่นของผลไม้เจือกลิ่นโอ๊กบางๆ ได้กลิ่นแล้วชวนให้สดชื่นเชียวครับ
ว่ากันที่รสชาติต่อเลยนะครับ อุ่นๆ หวานๆ ติดปลายลิ้นดีชะมัดครับ สำหรับจิบแรกที่ได้ลิ้มลอง ทิ้งกลิ่นหอมของควันจากโอ๊กจางๆ ไว้ในปาก ไม่มีอาการ Burn ที่ลิ้นและลำคอเมื่อไหลผ่านลำคอ
บอกได้คำเดียวว่าคุ้มค่าสมราคาสำหรับเหล้าตระกูลนี้เช่นกันครับ
After Taste นั้นต้องบอกว่า นุ่มนวล หวานละมุ่นติดปลายลิ้น สมคำร่ำลือที่ได้ยินได้ฟังมาครับ ทิ้งความอยากไว้ให้ต้องรินเพิ่มเพื่อลิ้มลองได้เรื่อยๆ เรียกความสดชื่น ให้กลับคืนมาได้เป็นอย่างดีครับ
พวกผมแค่ชมชอบในรสชาติของสุรา เรื่องราวที่เขียน เริ่มต้นจากความชอบและความสนใจ ที่นำไปสู่การค้นหา
เมื่อได้รับรู้ และทดลองด้วยตัวเองแล้วก็อยากแบ่งปันให้กับเพื่อนๆ และคนอื่นๆ ที่สนใจในเรื่องเดียวกันครับ
ข้อคิดเห็นที่ให้เกี่ยวกับเรื่องการร่ำสุราในแต่ละประเภท เป็นความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ ที่ได้มาจากการลองของด้วยตัวเอง
*** หมายเหตุ *** สงวนสิทธิ์สำหรับการอ่านและนำไปใช้ประกอบบทความเพื่อการแลกเปลี่ยนความรู้กัน และไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปใช้ในเชิงพาณิชย์ทุกอย่างครับ
วันพุธที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2553
The Macallan Fine Oak 10Yo
สำหรับผมแล้ว The Macallan Fine Oak 10 Yo จัดเป็นเหล้าที่คุ้มค่าเกินค่าตัวครับ เจ้าตัวนี้เหมาะกับนิยามที่ว่า "เหล้าดีไม่จำเป็นต้องแพง และบ่มนาน" ได้เป็นอย่างดีเลยครับ ผมได้มาจากชายแดนแม่สายเหมือนกันครับ ค่าตัวที่ 1000+ นิดหน่อยครับ
เริ่มที่สีเช่นเคยนะครับ สีทองอำพันอ่อนๆ ไม่เข้มออกแนวทองใสๆ ขาของเหล้าค่อนข้างเล็ก แต่ไม่เบา เนื่องจากผ่านการหมักบ่มเพียงแค่ 10 ปีครับ
ในด้านของกลิ่นนั้น ข้อมูลจากผู้ผลิต เจ้า Macallan Fine Oak ขวดนี้ผ่านการบ่มจากถังถึงสามชนิด กลิ่นที่ได้จึงค่อนข้างผสมกัน แต่ค่อนข้างลงตัวเชียวครับ จากการดมกลิ่นด้วยจมูกบ้านๆ อย่างผมนั้นได้กลิ่นคล้ายๆ พวกอเมริกันวิสกี้ เจือด้วยกลิ่นของไม้ Sherry Oak ที่หลังๆ มานี่เริ่มจะหลงเสน่ห์ของมันเข้าแล้วล่ะครับ
รสชาติ นั้นค่อนข้างลงตัว แม้ว่าจะเป็นเหล้าที่ผ่านการบ่มเพียงแค่ 10 ปี กลิ่นของเครื่องเทศที่ถือเป็นจุดเด่น และเอกลักษณ์ของเหล้าตระกูล The Macallan นำหน้า แต่ไม่เผ็ดร้อนแบบตัว Sherry Oak 12 Yo ตามด้วยความหอมหวานของคาราเมล ไว้ที่ปลายลิ้น ทิ้งกลิ่นหอมๆ ของโอ๊กไว้เป็นอย่างสุดท้ายเมื่อไหลผ่านลำคอ อย่างไม่มีอาการบาด หรือที่เรียกว่า Burn ครับ
After Taste นั้นจัดว่าน่าประทับใจกว่าตัว Sherry Oak 12 Yo และ Elegancia ที่ได้ลองไปก่อนหน้านี้ อาจเป็นที่ความชอบส่วนตัวของผมที่นิยมความหวาน มากกว่าความเข้มและเผ็ดร้อนของเครื่องเทศที่เป็นเอกลักษณ์ของเหล้าตระกูลนี้ก็ได้ครับ เจ้านี่ทิ้งความหวานละมุ่นไว้ค่อนข้างยาว ชนิดที่ชวนให้อยากรินเพิ่มเพื่อลิ้มลองเรื่อยๆ เชียวครับ ชักประทับใจกับเหล้าตระกูลนี้มากขึ้นเรื่อยๆ กับความแตกต่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนในแต่ละรุ่นครับ
สรุปแล้วตัวนี้จัดเป็นอีกตัวที่เหมาะกับการสังสรรในยามพลบค่ำกับเพื่อนสนิท เพื่อผ่อนคลาย นั่งพูดคุยกับแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ ได้สบายๆ ครับ และที่สำคัญที่สุดคุณภาพนั้นเกินค่าตัวเป็นอย่างยิ่งครับสำหรับผม
เริ่มที่สีเช่นเคยนะครับ สีทองอำพันอ่อนๆ ไม่เข้มออกแนวทองใสๆ ขาของเหล้าค่อนข้างเล็ก แต่ไม่เบา เนื่องจากผ่านการหมักบ่มเพียงแค่ 10 ปีครับ
ในด้านของกลิ่นนั้น ข้อมูลจากผู้ผลิต เจ้า Macallan Fine Oak ขวดนี้ผ่านการบ่มจากถังถึงสามชนิด กลิ่นที่ได้จึงค่อนข้างผสมกัน แต่ค่อนข้างลงตัวเชียวครับ จากการดมกลิ่นด้วยจมูกบ้านๆ อย่างผมนั้นได้กลิ่นคล้ายๆ พวกอเมริกันวิสกี้ เจือด้วยกลิ่นของไม้ Sherry Oak ที่หลังๆ มานี่เริ่มจะหลงเสน่ห์ของมันเข้าแล้วล่ะครับ
รสชาติ นั้นค่อนข้างลงตัว แม้ว่าจะเป็นเหล้าที่ผ่านการบ่มเพียงแค่ 10 ปี กลิ่นของเครื่องเทศที่ถือเป็นจุดเด่น และเอกลักษณ์ของเหล้าตระกูล The Macallan นำหน้า แต่ไม่เผ็ดร้อนแบบตัว Sherry Oak 12 Yo ตามด้วยความหอมหวานของคาราเมล ไว้ที่ปลายลิ้น ทิ้งกลิ่นหอมๆ ของโอ๊กไว้เป็นอย่างสุดท้ายเมื่อไหลผ่านลำคอ อย่างไม่มีอาการบาด หรือที่เรียกว่า Burn ครับ
After Taste นั้นจัดว่าน่าประทับใจกว่าตัว Sherry Oak 12 Yo และ Elegancia ที่ได้ลองไปก่อนหน้านี้ อาจเป็นที่ความชอบส่วนตัวของผมที่นิยมความหวาน มากกว่าความเข้มและเผ็ดร้อนของเครื่องเทศที่เป็นเอกลักษณ์ของเหล้าตระกูลนี้ก็ได้ครับ เจ้านี่ทิ้งความหวานละมุ่นไว้ค่อนข้างยาว ชนิดที่ชวนให้อยากรินเพิ่มเพื่อลิ้มลองเรื่อยๆ เชียวครับ ชักประทับใจกับเหล้าตระกูลนี้มากขึ้นเรื่อยๆ กับความแตกต่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนในแต่ละรุ่นครับ
สรุปแล้วตัวนี้จัดเป็นอีกตัวที่เหมาะกับการสังสรรในยามพลบค่ำกับเพื่อนสนิท เพื่อผ่อนคลาย นั่งพูดคุยกับแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ ได้สบายๆ ครับ และที่สำคัญที่สุดคุณภาพนั้นเกินค่าตัวเป็นอย่างยิ่งครับสำหรับผม
The Macallan Elegancia 12 Yo
สำหรับ The Macallan Elegancia ขวดนี้จัดเป็นรุ่นพิเศษครับ
ตัวนี้ผมได้มาจากด่านชายแดนแม่สาย กับค่าตัวประมาณ 2,xxx.- ครับ
เริ่มที่สีนั้น ออกทองอำพันเจือด้วยสีออกแดงนิดๆ ด้วยการหมักบ่มจากถัง Sherry Oak จากสเปน ขาของเหล้านั้นค่อนข้างหนาและหนัก จัดเป็นเหล้าที่บ่มได้ที่กำลังดีครับ
ในด้านของกลิ่นนั้น ผสานกันได้อย่างลงตัว ระหว่างกลิ่นหอมอ่อนๆ ของผลไม้จำพวกส้ม วนิลา และ Oak กลิ่นของ Alc ค่อนข้างแรงเมื่อรินออกจากขวดใหม่ๆ แต่จะเบาลงเมื่อทิ้งให้สัมผัสกับอากาศภายนอกสักพักหนึ่งครับ
รสชาติ เมื่อได้สัมผัสนั้นมีความผสมผสานกันอย่างดี ระหว่างความเผ็ด เจือด้วยความหวาน ติดเปรี้ยวนิดๆ กลิ่นควันจางๆ ขึ้นจมูกใช้ได้เชียวครับ
After Taste นั้น ค่อนข้างน่าประทับใจกับการผสานกันอย่างลงตัว ทิ้งความหวานไว้ที่ปลายลิ้น เจือด้วยความเผ็ดร้อนเล็กน้อย และ กลิ่นควันอ่อนๆ ที่ทิ้งค้างอยู่ภายในปาก ชวนให้ถวิลหาอย่างอ้อยอิ่ง ไม่ผิดหวังครับ สำหรับ The Macallan ขวดนี้น่าประทับใจกว่าตัว Sherry Oak 12 Yo ที่ได้ลองไปก่อนหน้านี้ครับ
สำหรับ The Macallan Elegancia ขวดนี้เหมาะกับการนั่งจิบเล่นๆ พูดคุยเพื่อการผ่อนคลายกับเพื่อนฝูงหลังอาหารมื้อค่ำได้เป็นอย่างดีเชียวครับ
ตัวนี้ผมได้มาจากด่านชายแดนแม่สาย กับค่าตัวประมาณ 2,xxx.- ครับ
เริ่มที่สีนั้น ออกทองอำพันเจือด้วยสีออกแดงนิดๆ ด้วยการหมักบ่มจากถัง Sherry Oak จากสเปน ขาของเหล้านั้นค่อนข้างหนาและหนัก จัดเป็นเหล้าที่บ่มได้ที่กำลังดีครับ
ในด้านของกลิ่นนั้น ผสานกันได้อย่างลงตัว ระหว่างกลิ่นหอมอ่อนๆ ของผลไม้จำพวกส้ม วนิลา และ Oak กลิ่นของ Alc ค่อนข้างแรงเมื่อรินออกจากขวดใหม่ๆ แต่จะเบาลงเมื่อทิ้งให้สัมผัสกับอากาศภายนอกสักพักหนึ่งครับ
รสชาติ เมื่อได้สัมผัสนั้นมีความผสมผสานกันอย่างดี ระหว่างความเผ็ด เจือด้วยความหวาน ติดเปรี้ยวนิดๆ กลิ่นควันจางๆ ขึ้นจมูกใช้ได้เชียวครับ
After Taste นั้น ค่อนข้างน่าประทับใจกับการผสานกันอย่างลงตัว ทิ้งความหวานไว้ที่ปลายลิ้น เจือด้วยความเผ็ดร้อนเล็กน้อย และ กลิ่นควันอ่อนๆ ที่ทิ้งค้างอยู่ภายในปาก ชวนให้ถวิลหาอย่างอ้อยอิ่ง ไม่ผิดหวังครับ สำหรับ The Macallan ขวดนี้น่าประทับใจกว่าตัว Sherry Oak 12 Yo ที่ได้ลองไปก่อนหน้านี้ครับ
สำหรับ The Macallan Elegancia ขวดนี้เหมาะกับการนั่งจิบเล่นๆ พูดคุยเพื่อการผ่อนคลายกับเพื่อนฝูงหลังอาหารมื้อค่ำได้เป็นอย่างดีเชียวครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)