พวกผมแค่ชมชอบในรสชาติของสุรา เรื่องราวที่เขียน เริ่มต้นจากความชอบและความสนใจ ที่นำไปสู่การค้นหา
เมื่อได้รับรู้ และทดลองด้วยตัวเองแล้วก็อยากแบ่งปันให้กับเพื่อนๆ และคนอื่นๆ ที่สนใจในเรื่องเดียวกันครับ

ข้อคิดเห็นที่ให้เกี่ยวกับเรื่องการร่ำสุราในแต่ละประเภท เป็นความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ ที่ได้มาจากการลองของด้วยตัวเอง
ที่แค่อยากรู้ และอยากลองตามประสาครับ ผิดถูกประการใดก็คงไม่สามารถรับรองได้ครับ ขอน้อมรับคำแนะนำ และติชมทุกประการครับ


*** หมายเหตุ *** สงวนสิทธิ์สำหรับการอ่านและนำไปใช้ประกอบบทความเพื่อการแลกเปลี่ยนความรู้กัน และไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปใช้ในเชิงพาณิชย์ทุกอย่างครับ

วันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Suntory Royal Blended Whisky

Suntory Royal ขวดที่ผมได้มานี้เป็นรุ่นที่ไม่ระบุอายุ สีออกค่อนไปทางทองแดงนิดๆ มากกว่าทองอำพัน เมื่อดมกลิ่นพอจะจับได้นิดๆ ว่าน่าจะ(น่าจะ) ผ่านการบ่ม หรือ Finished ด้วย Sherry Oak Cask ครับ  ปล. ไม่รับประกันความถูกต้องเหมือนเช่นเคยนะครับ เพราะจมูกผมสั่วๆ อยู่พอควรครับ

ว่ากันต่อที่กลิ่นแบบจริงจังบ้างนะครับ
ค่อนข้าง Fruity อยู่พอสมควรเลยครับ เจือด้วยกลิ่น Sherry Oak อยู่ในที กลิ่นตัวน้องแอลจางๆ 
ที่สำคัญเมื่อสูดกลิ่นเข้าไปแล้วกลับให้ความรู้สึกสดชื่น เหมือนอยู่กลางแปลงดอกไม้หอมๆ

รสชาติ หวานนำ หลบด้วยควันนิดๆ อร่อยเลยนะนั่น Toffee น้ำผึ้งหน่อยๆ 
แต่ค่อนไปทาง Toffee ซ่ะมากกว่า ไม่ Caramel แต่ให้ความหวานจนน่าประทับใจ

After Taste ค่อนข้างน่าประทับใจหวานอวลหอมอยู่ในปากค่อนข้างยาวที่เดียวครับ

โดยรวมแล้ว Suntory Royal ขวดนี้ทำให้ผมค่อนข้างมั่นใจแล้วครับว่าญี่ปุ่นมีดีที่เหล้า Blended ครับ
ส่วน Single Malt เนี่องจากเคยลองจริงจังแค่ Yamazaki 12 อยู่แค่ตัวเดียว 
แต่ยังมีการบ้านที่เฮียให้ไว้อีกพอควรไว้ลองแล้วจะมาเล่าสู่กันฟังต่อครับ 

สรุปดีกว่า Suntory Royal ขวดนี้น่าประทับใจจนน่าจัดมาเป็นเหล้าสามัญประจำบ้านได้อีกตัวครับ
กลางฤดูร้อนหลังเสร็จภาระกิจที่เหนื่อยล้าประจำวัน หยิบมาตั้งรินเหล้าไว้สัก 1/3 แก้ว กับน้ำแร่เย็นๆ สักแก้ว จิบไปฟังเพลงโปรดที่ชอบไปคงฟินน่าดูเลยเชียวครับ

วันเสาร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Dewar's 15 Yo "The Monarch"

เพิ่งได้ขวดนี้มาจากเฮีย City เมื่อวันตรุษจีน เฮียใจดีหอบหิ้วมาฝากเป็นของขวัญให้เพื่อนบ้านนอกคนนี้
ต้องขอขอบคุณน้ำใจจากเฮียมากๆ ครับ ได้ของมาก็เลยเปิดชิมกันไปนิดหน่อยในวันนั้น
ติดใจจนอดไม่ไหวก็เลยเอามาเล่าสู่กันฟังตามประสาลิ้นบ้านๆ เหมือนเช่นเคยนะครับ

วันนี้ขอเกริ่นก่อนเล็กน้อยว่าเจ้า Dewar's 15 YO ขวดนี้จัดเป็น Limited Edition ของ Dewar's
ใช้ชื่อรุ่นอย่างเป็นทางการว่า "The Monarch" มีแรงบันดาลใจมาจากภาพวาดภาพหนึ่งที่ชื่อว่า "The Monarch of Glen"
ปรุงขึ้นมาด้วย Single Malt และ Single Grain ที่มีอายุขั้นต่ำคือ 15 ปี (ข้อมูลฝรั่งว่าไม่ต่ำกว่า 40 ชนิด)
โดยเหล้าทุกตัวที่นำมา Blended นั้นถูกบ่มด้วยถังที่หลากหลายทั้ง Ex-Sherry Cask และ Ex-Bourbon Cask
และเมื่อนำมา Blended แล้วยังนำไปบ่มต่อใน Fine Oak Cask อีกหลายเดือนจนได้รสชาติที่ Master Blender เห็นว่าผ่านจึงนำไปบรรจุครับ

*** ข้อมูลเสริม ***
สำหรับเจ้า Dewar's 15 The Monarch ขวดนี้จัดทำขึ้นเป็น Limited Edition วางจำหน่ายในบางประเทศ
และขายเฉพาะช่วงเวลาต้นปี 2015 นี้หรือจนกว่าของจะหมดเท่านั้นนะครับ

เกริ่นมายืดยาวเรามาเข้าเรื่องกันดีกว่าครับ ตามประสาลิ้นบ้านๆ เล่ากันแบบบ้านๆ ไม่รับประกันความถูกต้องนะครับ

สี ทองอำพันค่อนไปทางเข้มนิดๆ แต่ไม่ออกทองแดงจ๋า คงเพราะมีส่วนผสมของเหล้าที่บ่มใน Sherry Oak Cask

ขา ค่อนข้างสวยงามไหลอืดเป้นทางลงมาอย่างช้าๆ

กลิ่น เปลือก Lemon, Toffee Caramel เน้นๆ ตามมาด้วยน้ำผึ้งอ่อนๆ
และกลิ่นที่ให้ความรู้สึกสดชื่นของการเปลี่ยนแปลงฤดูกาลที่จะเปลียนผ่านจากฤดูหนาวไปยังฤดูร้อนที่ดอกไม้กำลังจะเริ่มผลิบาน

มาว่ากันที่รสชาติบ้างดีกว่า

Body โดนใจสำหรับคนชอบสายหวานครับ น้ำผึ้ง Toffee Caramel มาเต็ม หลบด้วยกลิ่นควันจางๆ ในบางโอกาส แอบๆ ไว้เล็กน้อย
เนื้อเหล้าจัดว่าค่อนข้างแน่นพอควร แน่นกว่าตัว 12 ปี แต่เหลื่อมกับตัว 18 ปีนิดๆ คงด้วยอายุของเหล้า
ตัว Body จัดว่าซับซ้อนพอประมาณยกดื่มแต่ละครั้งให้ความรู้สึกแตกต่างนิดๆ ตามความชอบใจของคนดื่ม
จบด้วยความซ่า หรือ Burning นิดๆ ให้ความรู้สึกแห้ง เหมือนจะย้ำเตือนการมาถึงของฤดูร้อน

After Taste สั้นไปสักนิดด้วยความที่เป็น Blended Whisky แต่ก็ให้ความประทับใจ ชวนให้ยกจิบได้เรื่อยๆ 
ค้างความหวาน ปนความแห้งไว้ในปาก จิบด้วยน้ำเย็นตามนี่ฟินเลย (คหสต.ล้วนๆ ไม่รับประกันความถูกต้องครับ)

ในช่วงที่ฤดูกาลที่กำลังจะเปลี่ยนเข้าสู่ฤดูร้อน หรือในวันกลางฤดูร้อน หลังเสร็จภาระอิดประจำวันกันแล้ว
ล้อมวงกับเพื่อนฝูงที่รู้ใจหยิบเจ้า The Monarch ขวดนี้มาตั้งไว้กลางวง ใครอยากดื่มแบบไหนไม่ว่ากันเลือกเอาตามความชอบ
จะ on the rock ด้วยน้ำแข็งก้อนใหญ่ๆ สักก้อนให้ละลายช้าๆ หรือผสมด้วยเครื่องดื่มที่ชอบ หรือจะ Neat แล้วตามด้วยน้ำเย็นๆ
พูดคุยแลกเปลี่ยนกันถึงวันเก่าๆ หรือจะถามไถ่สาระทุกข์สุขดิบกัน ฟังเพลงเบาๆ หรือจะคาราโอเกะ ก็ไม่ว่ากัน 
ก่อนแยกย้ายบ้านใครบ้านมัน ก็เป็นตัวเลือกที่ลงตัวทีเดียวครับ

หากไม่ติดที่เป็น Limited Edition แล้วละก็ถือเป็นเหล้าสามัญประจำบ้านชั้นดีเลยทีเดียวครับ

ขอบคุณเฮีย City อีกครั้งที่จัดหามาให้เพื่อนคนนี้ได้ลิ้มลองวิสกี้ชั้นดีขวดนี้ครับ 

ปล. ความเห็นทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ ไม่รับประกันความถูกต้อง หากผิดพลาดประการใดของอภัยด้วยครับ ที่สำคัญอย่าเชื่อจนกว่าคุณจะได้สัมผัสด้วยตัวเอง 


วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ความลับของคำถาม ซ้าย หรือ ขวา ??? (จริงๆ ก็ไม่ลับอานะสามารถหาข้อมูลได้ทั่วไป)

 




ความลับของคำถาม ซ้าย หรือ ขวา ??? (จริงๆ ก็ไม่ลับอานะสามารถหาข้อมูลได้ทั่วไป)

จริงๆ แล้ว Single Malt Whisky ยี่ห้อแปลกตาทางฝั่งซ้าย และเหล่า Johnnie Walker ทางฝั่งขวาเนี่ยมีเจ้าของเดียวกันคือ Diageo ....หง่ะ แล้วจะออกมาหลายๆ ยี่ห้อให้คนงงเล่นทำไม!!!

เหตุผลจริงๆ มีเยอะครับ แต่แอดมินขออธิบายเฉพาะในส่วนการผลิตหล่ะกัน ตัว Diageo มีโรงกลั่นวิสกี้ที่ยังเปิดทำการในสก๊อดแลนด์ ทั้งหมด 28 โรงครับ ซึ่งไม่มีโรงกลั่นไหนเลยที่ชื่อว่า "Johnnie Walker" แต่ด้วยปริมาณการขายของยี่ห้อนี้ที่ขายกันหลักล้านลิตรต่อปี มันไม่มีหรอกครับถังไม้โอ๊คขนาดล้านลิตร อย่างใหญ่สุดๆ ก็ 4-5ร้อยลิตรครับ เขาจึงต้องเอาวิสกี้จากหลายๆ ถังมาผสมกันให้มีรสชาติใกล้เคียงกันในทุกๆ รอบการผลิต แต่ครั้นจะแค่หลายๆ ถังจากโรงกลั่นเดียวมันก็ยังไม่พอเลยเพราะใช้วิสกี้กันหลายหมื่นถังจึงต้องเอามาจากหลายๆ โรงกลั่นด้วย

ส่วนทางฝั่งซ้ายคือวิสกี้ที่ผลิตและจำหน่ายในชื่อโรงกลั่นนั้นๆ เอง ซึ่งนอกจากจะจำหน่ายในนามชื่อตัวเองแล้ว ยังส่งบางส่วนไปเป็นส่วนผสม Johnnie Walker อีกด้วย

ดังนั้น จะพูดว่าวิสกี้ทางฝั่งซ้ายคือหัวใจหลัก, หัวเชื้อ, ส่วนประกอบ หรือส่วนผสม ของทางขวาก็ไม่ผิด ถ้าอยากรู้ว่าหัวเชื้อของ Johnnie Walker รุ่นต่างๆ รสชาติเป็นอย่างไรก็ไปหามาลองกันนะครับ

Lagavulin แทบจะเป็นหัวใจของ Johnnie Walker รุ่นใหญ่ๆ ทุกรุ่น แต่อย่าว่าไปถ้าคุณได้รู้ราคา Lagavulin 37ปีจะรู้สึกได้เลยว่า Blue Label King George V โคตรถูก
Clynelish แมวป่าจากเขต Highland เหมือนได้กิน Gold สกัดเข้มข้น
Green Label เป็น Blended Malt Whisky ที่มีส่วนผสมของวิสกี้จาก 4 โรงกลั่น ได้แก่ Talisker, Cragganmore, Linkwood, และ Caol Ila ซึ่งตัว Talisker ก็โชว์ตัวอยู่ใน Green Label มิใช่น้อย
Black Label เป็นวิสกี้ที่แอดมินว่ามีกลิ่นควันชัดที่สุด ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่ากลิ่นนั้นได้มาจากโรงกลั่นไหน
Teaninich เป็นวิสกี้ที่หากินยากที่สุดหากเทียบกับ Single Malt Whisky 4 ตัวก่อนหน้า เพราะที่ผลิตได้เล่นไปลง Red Label เกือบจะทั้งหมด แม้ Red Label นักดื่รุ่นใหญ่จะไม่ค่อยชอบแต่จะไม่ลองหัวใจของเขาหน่อยหรือ
"แล้วโลกของคุณจะเปลี่ยนไป" ‪#‎แอดมินตือ‬ ‪#‎เย็นย่ำก็ร่ำสุรา‬

วันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Singleton of Dufftown 12 Yo.

รีวิวเหล้าประจำเดือนนี้ขอเลือก
Singleton of Dufftown 12 Yo. ขวดนี้ครับ
ว่ากันตามประสาลิ้นบ้านๆ เลยก็แล้วกันนะครับ
เริ่มที่สี ออกทางทองอำพันหรือ Amber Gold ข
าวันนี้ผมลืมสังเกตุอ่า...
คงเป็นเพราะกลิ่นที่มันโดนใจเหลือเกินจนลืมดูขา
ต่อที่กลิ่นเลยละกันครับ Toffee เน้นๆ
เจือด้วยกลิ่นดอกไม้เมืองหนาวยามย่างเข้าสู่ฤดูดอกไม้บาน
ให้ความรู้สึกสดชื่น หอมหวาน กลิ่นตัวน้องแอลไม่ค่อยชัด

ต่อกันที่รสชาติเลยครับ ตามประสาลิ้นบ้านๆ
ไม่รับประกันความถูกต้องเหมือนเช่นเคยนะครับ
Toffee Caramel ที่แสนโปรดปรานนำ ชอบเลยครับ
ผมทางสายหวานดื่มง่ายลื่นปื้ด

After Taste ไม่ยาว แต่ก็ไม่สั้นจนเกินไปนักถือเป็นความกลมกล่อมที่ลงตัวกำลังเหมาะ

วันที่ผ่านงานมาหนักๆ ในช่วงปลายฤดูหนาวอย่างนี้ เลือกเจ้า Dufftown ขวดนี้
มานั่งจิบผ่อนคลายเพื่อเตรียมรับฤดูร้อนที่กำลังจะมาก็เป็นตัวเลือกที่ดี
หรือหากมีเพื่อนสนิทที่รู้ใจที่ไม่ได้เจอกันนาน เลือกเจ้านี่มานั่งจิบผ่อนคลาย
พูดคุยแลกเปลี่ยนสาระทุกข์สุขดิบกันก็จัดเป็นตัวเลือกที่ดี เช่นกันครับ

ปล. ความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ ไม่รับประกันความถูกต้องนะครับ