พวกผมแค่ชมชอบในรสชาติของสุรา เรื่องราวที่เขียน เริ่มต้นจากความชอบและความสนใจ ที่นำไปสู่การค้นหา
เมื่อได้รับรู้ และทดลองด้วยตัวเองแล้วก็อยากแบ่งปันให้กับเพื่อนๆ และคนอื่นๆ ที่สนใจในเรื่องเดียวกันครับ

ข้อคิดเห็นที่ให้เกี่ยวกับเรื่องการร่ำสุราในแต่ละประเภท เป็นความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ ที่ได้มาจากการลองของด้วยตัวเอง
ที่แค่อยากรู้ และอยากลองตามประสาครับ ผิดถูกประการใดก็คงไม่สามารถรับรองได้ครับ ขอน้อมรับคำแนะนำ และติชมทุกประการครับ


*** หมายเหตุ *** สงวนสิทธิ์สำหรับการอ่านและนำไปใช้ประกอบบทความเพื่อการแลกเปลี่ยนความรู้กัน และไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปใช้ในเชิงพาณิชย์ทุกอย่างครับ

วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

The Glenlivet 18 Years of Age.


ยอมรับก่อนเลยว่าติดค้างรีวิวเหล้าขวดนี้ค้างปีจากคุณ Ole มานานมาแล้วครับ เปิดลองลงไปกว่าครึ่งขวดให้คนนั้นคนนี้ชิมไปหมด
ส่วนตัวเองยังไม่มีเวลามานั่ง ดม อม ดูด อย่างจริงจังสักครั้ง ก็ถือโอกาสคืนก่อนวันแห่งความรักปีนี้ส่งการบ้านให้คุณ Ole ครับ

เหล้าตระกูลนี้เคยผ่านปากผมมาแล้วสามรุ่น 12 ปี 15 ปี และ 21 ปี (อันนี้จะถือว่าผ่านได้หรือปล่าวหว่า เพราะช๊อตเดียวพาเพลินครับ) ตามนี้ครับ

สำหรับเจ้า The Glenlivet 18 Years of Age ขวดนี้ได้คะแนนจากลุงจิมที่ 91.5 คะแนน เชียวครับ
Nose 22 Taste 23.5 Finish 23 และ Balance 23

เขาว่ามาแบบนั้นเราก็มาว่ากันแบบลิ้นบ้านๆ ดีกว่าครับ
เริ่มที่สีค่อนข้างเข้ม แบบทองแดงเชียวครับ ขาใหญ่ไหลอืดอาดด้วยอายุเหล้าทีบ่มนานถึง 18 ปี

ต่อที่กลิ่นกันเลยครับ กลิ่นเหมือนพวกขนม Fruit Cake กับขนมรังผึ้งครับ เจือด้วยกลิ่นวนิลา และหอมอโรม่าดีเชียวครับ


ต่อกันที่รสชาติเลยก็แล้วกันครับ...

หวาน มันส์ เค็ม เต็มปากเต็มคำ เต็มอารมณ์ แต่เหมือนจะจบเร็วไปสักนิดครับ
ทิ้งกลิ่นวนิลาหอมๆ ไว้ในปาก พร้อมกับความรู้สึกแห้งๆ ตามสไตล์เหล้าจาก Speyside ครับ
แม้ไม่ฉ่ำแต่ก็ประทับใจดีครับ ความรู้สึกรวมๆ เหมือว่ามันจะหวานจนเลี่ยนไปนิดสำหรับผมนะครับ

สรุปโดยรวมสำหรับผมแล้วเนื่องจากว่า The Glenlivet 12 Years of Age เป็นเหล้าเริ่มต้นสู่ทางสาย SM ของผม
ผมมองว่ามันทำได้ดีอยู่แล้วสำหรับต้อนรับมิตรใหม่ที่จะเข้าทางสาย SM
แต่กับเจ้า 18 Years of Age ขวดนี้มัน... ไงดีละจะว่าดีก็ดีอยู่ครับ 
แต่มองว่าไม่ค่อยจะคุ้มสำหรับการลงทุนทำความรู้จักเท่าไหร่โดยเฉพาะถ้าเป็นราคาที่มีแสตมป์ในบ้านเราด้วยแล้วนะครับ
เพราะมันออกจะจืดไปสักนิดครับ เอ...  หรือว่าผมชักจะเสพติดความเข้มข้นของเหล้าจาก Islay ไปซ่ะแล้วละสิ งึดงึด

ปล. 1. เช่นเคยนะครับ ความรู้สึกที่ว่ามาทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ ไม่รับประกันความถูกต้องนะครับ

ปล. 2 ชักรู้สึกกลัวแล้วว่าเจ้า 21 Years of Age กับ XXV ที่นอนอยู่ในตู้จะทำให้ผมรู้สึกเสียดายตังค์มั๊ยหว่า  ตายดีก่า


วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

TOBERMORY Limited Edition Aged 15 Years.


งานนี้ขออนุญาตนำเสนอคะแนนจากหนังสือของ Jim Murray's Whisky Bible 2013 ที่คุณเบียร์มิตรใหม่จากแดนไกลอุตส่าห์ฝากส่งมาให้ประกอบด้วยก็แล้วกันครับ ส่วนจะแตกต่างอย่างไรเดี๋ยวมาฟังกันครับ

สำหรับเจ้า Tobermory Limited Edition Aged 15 Years ขวดนี้หนังสือให้คะแนนรวมที่ 72.5 ครับ
แบ่งเป็น Nose 17 Taste 18 Finished 19 และ Over all Balance & Complexity ที่ 18.5
โดยให้คำแนะนำรวมๆ ว่า Another poorly made whisky : delivery tell you all you need to know.

เมื่อฝรั่งว่ามาอย่างนั้นคราวนี้มาฟังลิ้นบ้านๆ กันบ้างดีกว่าครับว่าจะว่าอย่างไร
เริ่มที่สีเช่นเคยครับ : ออกไปทางน้ำตาลแดงๆ ครับ ค่อนข้างเข้มครับ
ขา : ขนาดกลางๆ ไหลยืดยาดพอควรครับ
กลิ่น : คงเหมือนกับที่ฝรั่งว่าครับ ชัดเจนดีครับ น้ำผึ้ง อบเชย กลิ่นเหม็นเขียวหน่อยๆ คาราเมลนิดๆ ไม่ซับซ้อน ผมชอบกลิ่นทำนองนี้นะครับ


นั่งทำงานอยู่ก่อนหน้านี้กลิ่นเย็นๆ ยั่วใจดีจังเลยครับ
ได้เวลาเราก็มาต่อกันที่รสชาติกันดีกว่าครับ
รสเผ็ดนิดๆ ของ cinnamon ต่อด้วยความหวานของน้ำผึ้ง ขมนิดๆ เหมือนคาราเมลไหม้ จบด้วยความฉ่ำปนแห้งอยู่ในที

Finished ไม่ยาวมาก แต่ก็กำลังดีครับ ทิ้งความหวานกับอาการ burn ไม่มากไว้ในปากพอหอมปากหอมคอ

งานนี้ค่อนข้างเห็นด้วยกับลุงจิมครับที่ว่ารสชาติตรงไปตรงมาดีไม่ซับซ้อน บอกหมดว่าอะไรเป็นอะไร


รวมๆ แล้วถ้าเป็นคะแนนจากลิ้นบ้านๆ อย่างผมคงให้สูงกว่าลุงจิมในเรื่องของกลิ่น กับรสชาติ ด้วยความชอบส่วนตัวครับ
ส่วน Finished กับ Over all balance นี่ไม่เห็นต่างกับลุงแกครับ แต่คงเหลื่อมไปทางสูงกว่านิดหน่อยด้วยความชอบส่วนตัวเช่นเดียวกันครับ

รวมๆ แล้วเจ้า Tobermory ขวดนี้ผมค่อนข้างชอบนะครับ ถ้าชอบ Island แต่ไม่ชอบควันเชิญทางนี้ได้เลยครับ
จริงๆ แล้วเหล้าจาก Island ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยควันกับ peat เท่าไหร่อยู่แล้วด้วยครับ ไม่เหมือน Islay ขานั้นชัดเจนครับ
ในวันว่างๆ อยากพักผ่อนหลีกหนีจากความวุ่นวายใช้เจ้า Tobermory ขวดนี้เป็นเพื่อนได้สบายครับ ตรงไปตรงมาดีไม่ซับซ้อนวุ่นวายให้ต้องคิดมาก
จิบไปฟังเพลงที่ชอบไปสบายๆ เลยครับ



Royal Salute 21 years old 40%





เข้าเดือนแห่งความรัก ก็ต้องนึกถึงบุพเพสันนิวาสที่เป็นของคู่กันโดยเดือนนี้ผมก็ได้พบพานกับน้องคนนี้แบบงงๆ และน้องเค้าก็ขออาศัยบ้านผมเป็นที่พักพิงและจะผมจะปฎิเสธได้อย่างไร
Royal Salute เป็นแบร์นวิสกี้ของ Chivas Brothers ได้เปิดตัวเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ค.ศ. 1953 ในวันพิธีบรมราชาภิเษกของ Queen Elizabeth II และได้รับเกียรติสูงสุดให้ใช้เครื่องหมายประจำพระองค์ของ Queen Elizabeth II เป็นตราสัญลักษณ์บนขวด
โดยขวดที่ผมได้มาเป็น Blended whisky รุ่นมาตราฐาน 21ปีขวดสีน้ำเงิน ซึ่งในรุ่นมาตรฐานจะมีขวดด้วยกัน 3 สีได้แก่ สีแดง(Ruby Flagon) สีน้ำเงิน(Sapphire Flagon) และสีเขียว(Emerald Flagon) ซึ่งแต่ละสีมีรสชาติเหมือนกันต่างกันที่ขวดเท่านั้น


 

Appearance: สีทอง ออกเหลืองใส(amontillado sherry) ขาเล็กกลางไหลเร็วกลางๆ

Aroma: กลิ่นผลไม้คล้าย Berry ฉ่ำๆสุดๆ Fruitcake หวานๆ พวยพุ่งออกมา อมมาลึกๆ ด้วยควัน ซ่อนอยู่แบบแอบๆ 

Taste: รสเค็มนำ หวานมากลางๆ กลิ่นผลไม้ น้ำผึ้งมีมาแต่ไม่เท่าตอนดม สัมผ้สเผ็ดนิดๆ ติดแว๊กหน่อยๆ

With Water: รสเค็มเด่นขึ้น กลิ่นที่เคยมีและความเผ็ดจางลงไป สัมผัสติดมันยังคงมี

Finish: ทิ้งสัมผัสมันๆ ไว้ที่ริมฝีปากและในปาก กลิ่นผลไม้ตีกลับขึ้นมานิดหน่อยไม่ยาวนาน ติดDry ที่คอนิดหน่อย



สรุป: สำหรับผมว่ากลิ่นนำนี่ผลไม้สุกๆ มาเต็มๆ แต่พอกระดกเข้าปากไปแล้วหายไปเลย เปรียบเทียบคงประมาณรูปสวยแต่จูบไม่หวาน ถ้าให้ผมจัดแบบเป็นเรื่องเป็นราวตัวนี้ผมชอบแบบยกมาเป็นshotเพราะกลิ่นพี่แกนำโด่งแต่พอเข้าปาก เคลมเร็วไปเร็วจริงๆ ตั้งตัวไม่ทันต้องตามไปชนอีกทีถึงจะรู้เรื่อง ถ้าแนวนั่งจิบๆ ดมๆ ดื่มด่ำสัมผัสในปากผมว่าไม่ฉ่ำอุราเหมือนตอนดม ราคานี้ feeling นี้ผมว่าตัว 18ปี หรือ SM บางตัวคุ้มกว่าครับ

วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

Lagavulin 16 Year Old


วันนี้ขอละเมิดกฏพื้นฐานของตัวเองเล็กน้อย อย่างว่าละครับกฏเกณฑ์คนสร้างขึ้นเพื่อละเมิด
หลังจากลองเจ้า Monkey Shoulder ไปแล้วความรู้สึกเหมือนมันไม่สุด
ก็เลยตัดสินใจเปิดเจ้า Lagavulin 16 Yo ขวดน้อยขวดนี้มาต่อเนื่องเพื่อให้ได้เสร็จสมอารมณ์หมายของตัวเองดีกว่า
ว่าแล้วก็ขอเล่าสู่กันฟังแบบลิ้นบ้านๆ เช่นเคยนะครับ

สีก็อย่างที่ไนท์ว่าไว้ครับ ทองเข้มๆ ค่อนไปทางส้มๆ ด้วยอายุที่บ่มนานถึง 16 ปี
ขาเล็กแต่หนักไหลอืดอาดเป็นอย่างยิ่งครับ
กลิ่นเหมือนขึ้เถ้าไหม้ๆ เจือด้วยกลิ่น peat แถมด้วยคาราเมลหอม ไม่ค่อยมีกลิ่นน้องแอลครับ เพียงแค่กลิ่นก็ให้ความรู้สึกอยากโดนเป็นอย่างยิ่งแล้วละครับ


ว่าแล้วมาต่อกันที่รสชาติเลยดีกว่าครับ
เค็มๆ peat มาเต็มๆ ให้ความนุ่มแต่ติดเผ็ดพอตัว ควันกลางๆ ไม่มากเหมือน Laphroaig ทิ้งความเค็มเหมือนเนยไว้ในปาก
จบแบบ peat และความรู้สึกเค็มๆ ควันเล็กน้อย ถ้าให้เลือกขอ Laphroaig มาให้ผมดีกว่าครับ
ลางเนื้อชอบลางยา สำหรับผมแล้วเจ้า Lagavulin ขวดนี้จัดว่าดีครับ แต่ผมยังเลือกที่จะรัก Laphroaig มากกว่าอยู่ดีครับ
เพราะกลิ่นโรงพยาบาล Full Body และการจบแบบฉ่ำๆ ทิ้งควันหนักๆ ไว้ในช่องปากค่อนข้างเยอะครับ





MONKEY SHOULDER


วันนี้ขอนำมาพบกับเจ้าลิงเกาะไหล่ ขวัญใจมหาชนกันหน่อยครับ ราคาไม่แรงติดที่หายากสักหน่อยครับ แต่ข่าวแจ้งว่าเริ่มมีเข้าทางทางใต้ของบ้านเราแล้วนะครับ ก็เช่นเคยครับตามประสาลิ้นบ้านๆ เหมือนเช่นทุกครั้งครับ

เริ่มต้นที่สีออกไปทางเหลืองทองเข้มๆ ที่เรียกกันว่าทองอำพัน หรือ Amber นั่นแหละครับ
ขาขนาดกลาง ไหลไม่เร็ว แต่ก็ไม่ช้า
กลิ่นค่อนไปทางผลไม้รสเปรี้ยว เจือน้ำผึ้ง จับ Oak ได้พอควร เย็นๆ สบายๆ เจือด้วยกลิ่นน้องแอลนิดๆ ไม่มากครับ


ต่อกันที่รสชาติบ้างนะครับ สารภาพก่อนว่าจำรสชาติครั้งแรกที่ลองของคุณโชคไม่ได้แล้วเพราะนานมาครับ
จำได้แค่ว่าค่อนข้างประทับใจจนต้องหามาลองซ้ำอีกสักรอบครับ
ว่าแล้วก็มาว่ากันที่ประสบการณ์ตรงครั้งนี้แบบมีเวลาสักหน่อยดีกว่าครับ
เปรี้ยวๆ หวานๆ อมควันนิดหน่อย burn อยู่พอควร จบแบบจะว่าแห้ง ก็ไม่แห้ง ฉ่ำก็ไม่ฉ่ำ เหมือนกับว่ามันน่าจะมีอะไรต่อแต่มันก็ไม่มีครับ
บอกไม่ถูก รวมๆ แล้วน่าจะเป็นอย่างที่คุณโชคว่าไว้คงต้องเอาไปทำเป็นพวก Cocktail มากกว่าครับ
ถ้าให้ดื่มแบบ Neat มันก็พอได้ แต่มันเหมือนกับไม่สุดครับ


After Taste จัดว่าค่อนข้างสั้นไปนิด รู้สึกเหมือนมันค้างๆ คาๆ อย่างบอกไม่ถูก
แต่ก็มีกลิ่นตีกลับออกมาของพวกวนิลา Oak  อยู่พอควร เมื่อดื่มน้ำเย็นๆ ตามลงไปก็ให้ความหวานติดปลายลิ้นอยู่พอประมาณครับ
รวมๆ สำหรับผมให้ดื่มแบบ Neat ก็พอได้ ลื่นดีครับ แต่มันเหมือนไม่ค่อยสุดถ้าจะให้ต่อแก้วที่สองหรือสามนี่เฉยๆ มากกว่าครับ
เหมาะไว้ขั้นเวลาก่อนไปดื่มแก้วอื่นต่อไปมากกว่าครับ

ปล. ความคิดเห็นทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ ไม่รับประกันความถูกต้องนะครับ


วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

Let's Salute with Royal Salute 21 Yo.


ขอเริ่มเดือนที่สองของปีด้วย Royal Salute 21 Yo ตามประสาลิ้นบ้านๆ ไม่รับประกันความถูกต้องเหมือนเช่นเคยทุกครั้งครับ

ขอเริ่มที่กลิ่นก่อนนะครับ ค่อนข้างไปทาง Malt ด้วยว่าเป็นวิสกี้ตัวที่ค่อนข้าง Top ของตระกูล Chivas แต่เป็นรุ่นต่ำสุดใน Series นี้ครับ
หอมกลิ่นอโรม่าพอควรครับ ให้ความสดชื่นของดอกไม้หอมๆ เจือด้วยกลิ่นตัวของน้องแอลเล็กน้อย พอให้รู้สึกในจมูกครับ

สีออกไปทางเหลืองทองอำพัน Amber ครับ ขาค่อนข้างเล็กแต่หนักไหลเอื่อยๆ ลงมาเรื่อยๆ ครับ


ว่าแล้วก็ต่อกันที่รสชาติเพื่อไม่ให้เสียเวลากันดีกว่าครับ...

เต็มปากเต็มคำดีแท้ เริ่มจากขมนิดๆ ต่อด้วยควันหน่อยๆ ความเผ็ดเล็กน้อยเข้ามาหยอกล้อ
ปิดท้ายด้วยความหวานแห้งๆ พร้อมด้วยกลิ่นน้ำผึ้ง และคาราเมลที่ตีกลับขึ้นมาส่งท้าย ทิ้งความรู้สึกหวานขมเอาไว้ในปาก

Finish ค่อนข้างยาวพอควร ทิ้งความรู้สึกเย้ายวนอยากยกต่อ หรือพักยกให้ซึมซาบความรู้สึกผ่อนคลายหลังดื่มเอาไว้ให้นานๆ ดี

ไม่ผิดหวังสำหรับน้องเล็ก Series นี้ครับ แต่จะให้ไปต่อคงไม่ไหวกับบรรดาพี่ๆ ที่ราคาแรงเหลือใจ
แค่น้องเล็กกับราคาดีๆ จาก Duty Free ก็พอไหวครับ มีแสตมป์นี่คงไม่ได้แอ้มเบี้ยจากกระเป๋าผมละครับ


ส่งท้ายเนื่องจากว่าวันนี้ผมผ่านงานมาค่อนข้างยุ่งเกือบทั้งวัน ได้เจ้า Royal Salute ขวดนี้มาปิดวันนี่ชวนให้รู้สึกผ่อนคลายได้พอควรเลยเชียวครับ
จึงคิดว่าในวันสบายๆ อยากผ่อนคลาย หรือในวันที่ชีวิตวุ่นวายกับการงานมาทั้งวันได้เจ้านี่มาปิดวันนี่ต้องบอกว่าเป็นการจบวันที่สวยงามทีเดียวครับ

ปล.ความคิดเห็นทั้งหมดเป็นความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ ไม่ขอรับประกันความถูกต้องเช่นเคยครับ