พวกผมแค่ชมชอบในรสชาติของสุรา เรื่องราวที่เขียน เริ่มต้นจากความชอบและความสนใจ ที่นำไปสู่การค้นหา
เมื่อได้รับรู้ และทดลองด้วยตัวเองแล้วก็อยากแบ่งปันให้กับเพื่อนๆ และคนอื่นๆ ที่สนใจในเรื่องเดียวกันครับ

ข้อคิดเห็นที่ให้เกี่ยวกับเรื่องการร่ำสุราในแต่ละประเภท เป็นความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ ที่ได้มาจากการลองของด้วยตัวเอง
ที่แค่อยากรู้ และอยากลองตามประสาครับ ผิดถูกประการใดก็คงไม่สามารถรับรองได้ครับ ขอน้อมรับคำแนะนำ และติชมทุกประการครับ


*** หมายเหตุ *** สงวนสิทธิ์สำหรับการอ่านและนำไปใช้ประกอบบทความเพื่อการแลกเปลี่ยนความรู้กัน และไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปใช้ในเชิงพาณิชย์ทุกอย่างครับ

วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2555

Port Charlotte PC8 Ar Duthchas 60.5% @Macallan Whisky Bar&Lounge( Part 2)



หลังจากจัด Kilchoman ไปแล้วผมก็ไม่รีรอจะจัดวิสกี้จาก Islay อีกซักตัวซึ่งก็คงหนีไม่พ้นยี่ห้อที่หาได้ลำบากในบ้านเราและต้องหนักในกลิ่น Peat ก็เลยมาจบที่ Port Charlotte PC8 โรงกลั่นนี้ชื่ออาจจะไม่คุ้นจะเป็นโรงกลั่นใหม่หรือป่าวคำตอบคือไม่ใช่ครับ Port Charlotte เป็นชื่อที่ถูกใช้โดยโรงกลั่น Bruichladdich ที่มีเหล้าหลายรุ่นมากๆ โดย Port  Charlotte เคยเป็นโรงกลั่นที่เปิดในช่วงปี 1829 ถึง 1929 ตั่งอยู่ทางใต้ของ Bruichladdich ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นแหล่งผลิต Malt ป้อนให้ Bruichladdich นำไปผลิตวิสกี้



สำหรับ Port Charlotte จะเป็น Series ที่มีเอกลักษณ์ที่ Peat เป็นหลัก โดย PC8 ขวดนี้บรรจุที่ดีกรี 60.5% อายุการบ่มน่าจะอยู่ที่ 3 ถึง 5ปี เคยได้รับรางวัลชนะเลิศจากงาน Spirit of the Fringe เมื่อปี 2009 ถือว่าแปลกนะน่าสนใจมิใช่น้อย

Appearance: สีมองไม่ชัดเพราะร้านมืดมาก(เหมือนเดิม) ส่วนขาเล็ก ยาวไหลเร็วบอร์ดี้ดูจะน้อยเมื่อเทียบกับดีกรี


Aroma: มีกลิ่น Peat ซ่อนมาในกลิ่นแอลกอฮอล์ 

Taste: เผ็ดร้อนตามดีกรีที่สูง มีรสเค็มนิด กลิ่นออกเนย อัลมอล ปิดด้วย Peat ขึ้นจมูก

With Water: Peat เด่นขึ้นแต่ก็ไม่ได้จัดอะไร บอร์ดี้ฉ่ำมาบางๆ

Finish: เค็มๆ Dry แล้วหายไป แต่มี Peat ควันตีกลับขึ้นมาเป็นขบวนไม่ยาวมาก

สรุป: ตัวนี้ผมคิดว่าเด่นที่เค้าซ่อนกลิ่น Peat ไว้คือดื่มเข้าไปแล้วมีควันติดมานิดๆ แต่ตอนจบควันมาเป็นพรวนเลย แต่หากเทียบกับ Kilchoman ที่ผมรีวิวไปก่อนหน้าตัวนี้รสชาติจะอ่อนกว่าพอสมควรแม้จะมีดีกรีที่สูงกว่าก็ตาม PC8 หากมีโอกาสก็น่ามีไว้ดื่มเปลี่ยนอารมณ์ แต่หากว่าต้องเลือกจริงๆ ผมชอบแบบที่มีตรงๆ แน่นๆ จบยาวๆ จะดีกว่าครับ

วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2555

Kilchoman Spring Release 2011 46% @Macallan Whisky Bar&Lounge( Part 1)





เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมาผมได้ไปเที่ยวมาเก๊ากับท่านผบ.ทบ.และเจ้านายใหญ่ โดยเป้าหมายของแต่ละคนก็ต่างกันซึ่งตัวผมเองก็มุ่งเป้าไปหาอะไรก็เรารู้ๆ กันอยู่แล้ว โดยมีสถานที่หนึ่งที่ผมตั้งใจว่าจะไปให้ได้คือ Macallan Whisky Bar&Lounge ซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ของโรงแรม Galaxy บนฝั่งไทปา (ใครอยากจะเดินทางมาที่นี่ง่ายๆ ครับแค่ขึ้นรถบัสของโรงแรมได้ทั้งที่สนามบินและท่าเรือ ขึ้นฟรีดิ่งตรงถึงโรงแรมเลยครับ) ร้านนี้เปิด 17.00น. นะครับมาเร็วไปอาจต้องไปเดินเล่นก่อน


 
การตกแต่งร้านเป็นสไตร์ British bar มีทั้งเฟอร์นิเจอร์ไม้ เขาสัตว์ เตาผิง โซฟาหนัง ให้อารมณ์หรูๆ ขรึมๆ ครับ และแน่นอน ชั้นวางเหล้าที่ทำให้คุณตาลายได้เลย (ยังมีอีกหลายตู้โชว์และชั้นขนาดใหญ่ซึ่งผมไม่กล้าถ่ายมาลงเดียวทางร้านจะว่าเอา)


ที่ร้านนี้แม้จะขึ้นชื่อว่า Macallan แต่ก็มีวิสกี้จากหลายสำนักเอาเป็นว่าน่าจะมีทุกเจ้าในสก็อตร์รวมไปถึงญี่ปุ่น อินเดีย ไอริส ฯลฯ แต่ Vintage ในร้านเด่นๆ ราคาดุๆ ขวดเป็นแสนเป็นล้านก็คงหนีไม่พ้น Macallan และ Highland Park ครับส่วนเหล้าจากสำนักอื่นๆ ก็จะเป็นรุ่น Standard ไปจนถึงรุ่นหายากในระดับกลางๆ (หายากระดับกลางเช่น Octomore, Caol Ila Cask Strength, Lagavulin distiller edition ปีเก่าๆ เป็นต้น)


และแน่นอนเมื่อผมมาถึงร้านนี้แล้วก็คงไม่พลาดที่จะต้องลิ้มลองวิสกี้แจ่มๆ ซักหน่อยโดยผมเลือก Kilchoman Spring Release 2011 ซึ่ง Kilchoman เป็นโรงกลั่นที่เพิ่งจะกลับมาเปิดใหม่เมื่อในปี 2004 ตัวโรงกลั่นตั้งอยู่บน Islay ที่ผมเลือกตัวนี้เพราะผมคิดว่าหายากสำหรับผมและที่น่าสนใจคือโรงกลั่นนี้ใช้เหล้าที่อายุน้อยในการ Blend โดยส่วนประกอบของขวดนี้ใช้เหล้าที่บ่มเพียง 3ปี 70%และเหล้าที่บ่ม 4ปีอีก 30% มาผสมกัน แต่ที่พิเศษคือเหล้าถังที่บ่ม 4ปีถูก Finish ในถัง oloroso sherry ที่มีบ่มเหล้ามาแล้ว 20ปี บรรทุกดีกรีแอลกอฮอล์ถึง 46% เสริฟมาพร้อมน้ำแร่ และถั่วอัลมอล+เม็ดมะม่วงจำนวนมหาศาล



Appearance: สีมองไม่ชัดเพราะร้านมืดมาก ส่วนขากลาง ใหญ่ ไหลหนืดๆ ให้อารมณ์ว่าบอร์ดี้มาแน่ๆ

Aroma: Peat, ควัน เต๊ะจมูก

Taste: รสหวาน สัมผัสเผ็ดร้อน กลิ่นหอมดอกไม้ กลิ่นไม้สดๆ ตบด้วยควันบุหรี่ บอร์ดี้ฉ่ำๆ มาแบบอูมๆ

With Water: Peat, ควันบุหรี่เด่นมาก ติดรสหวานมันเนย

Finish: จบฉ่ำนิดๆ ไม่ Dry ทิ้งกลิ่นควันยาวนานอย่างกับสูบบุหรี่จนคนข้างๆ ทัก






สรุป: ผมคิดว่าตัวนี้มาแบบครึ่งๆกลางๆระหว่าง Bowmore 15ปี Mariner กับ Lagavulin 16ปี โดนมีกลิ่นควันและความสดจบแบบฉ่ำนิดๆแล้ววิ่งไป Dry  ผมรู้สึกประทับใจกับเหล้าตัวนี้ กับสิ่งที่คนทำต้องการสื่อแม้อายุจะน้อยแต่หมัดหนักใช่เล่นสำหรับผมผู้เสพควันคิดว่ารสชาติดีกว่าเหล้าอายุมากๆ หลายตัวเลยครับ

และแน่นอนมาร้านนี้ทั้งทีคงไม่จบแค่เหล้าตัวเดียวครับ ติดตามต่อ Part 2 ครับ