พวกผมแค่ชมชอบในรสชาติของสุรา เรื่องราวที่เขียน เริ่มต้นจากความชอบและความสนใจ ที่นำไปสู่การค้นหา
เมื่อได้รับรู้ และทดลองด้วยตัวเองแล้วก็อยากแบ่งปันให้กับเพื่อนๆ และคนอื่นๆ ที่สนใจในเรื่องเดียวกันครับ

ข้อคิดเห็นที่ให้เกี่ยวกับเรื่องการร่ำสุราในแต่ละประเภท เป็นความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ ที่ได้มาจากการลองของด้วยตัวเอง
ที่แค่อยากรู้ และอยากลองตามประสาครับ ผิดถูกประการใดก็คงไม่สามารถรับรองได้ครับ ขอน้อมรับคำแนะนำ และติชมทุกประการครับ


*** หมายเหตุ *** สงวนสิทธิ์สำหรับการอ่านและนำไปใช้ประกอบบทความเพื่อการแลกเปลี่ยนความรู้กัน และไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปใช้ในเชิงพาณิชย์ทุกอย่างครับ

วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Highland Park 1998 40%


เดือนนี้ทั้งเดือนมีแต่เหตุการณ์น้ำท่วมแม้ตัวผมเองจะยังไม่กระทบ(แต่ก็มี ให้ลุ้นทุกวันเพราะอยู่ในเขตเฝ้าระวัง) แล้วยังมีเพื่อนๆ หลายคนรวมถึงพี่สมาชิกที่ต้องประสบภัยในครั้งนี้ก็ทำให้ผมเครียดหดหู่ไม่มี อารมณ์อยากจะเขียนรีวิว แต่อย่างไรก็ตามชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไปฉันใด ผมยังมีลมหายใจก็ต้องรีวิวเหล้าต่อไปฉันนั้น ..........

วันนี้ขอนำเสนอเหล้า Highland Park Vintage 1998 บรรจุปี 2010 หักลบแล้วอายุหมอนี่จึง 12ปีบริบูรณ์ ผมติดใจความสมดุลของเหล้ายี่ห้อนี้ตั้งแต่รุ่น 12ปีแล้วเมื่อมี Vintage มาก็ไม่ต้องลังเลที่จะจับมัดเข้าบ้านโดยหวังว่าจะเหมือนเมื่อพบรักกันครั้ง แรก ไม่ต้องรอช้าเปิดขวดเทใส่แก้วทรง Old Fashion ที่พอจะหาได้ในเวลานี้

Appearance: สีทองแดงอ่อนๆ กำลังจะไปเหลือง,ขากลางยาวไหลอืดแต่ไม่อาด

Aroma: วนิลา โอ๊ค นำเด่นและมีน้ำผึ้งหอมนุ่มๆ มีกลิ่นควันแทรกออกมานิดหน่อย

Taste: หวาน เค็ม เผ็ดลิ้นเล็กน้อย กลิ่นควันหอมกว่าตอนดมเยอะมาก และกลิ่นวนิลายังเด่นเพิ่มความนุ่มให้รสสัมผัส แทรกด้วยกลิ่นน้ำผึ้งและอัลมอลล์

With Water: หวานละมุน นุ่มลิ้น กลิ่นน้ำผึ้งเด่นขึ้นผสมกับกลิ่นควันเบาๆ
Finish: หวาน ทิ้งกลิ่นควัน ไว้ในปากและลำคอยาวกำลังดี ดื่มชากันดีก่า

สรุป: ตัวนี้ทำผมประหลาดใจที่ตอนดมกลิ่นควันไม่ค่อยเด่น แต่ตอนดื่มเข้าไปแล้วกลิ่นควันกลับเด่นออกมา สมดุลรสชาตโดยรวมถือว่ากำลังดี แต่สำหรับผมมันอ่อนไปหน่อย ตัว 12ปีน่าจะให้ความประทับใจได้มากกว่า(ไว้จะมาลองเทียบกันดูในคราวต่อไป) แต่สำหรับคนที่จะเริ่มเข้าสู่ SMสายควันตัวนี้น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีราคาไม่ แรงมาก รสชาตไม่ฉุนเฉียวจนเกินไป ถ้ามาถูกทางแล้วจะขยับไปเล่นควันหนักๆ อย่าง Laphroaig, Ardbag หรือ Lagavulin ก็ไม่ใช่เรื่องยาก

วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554

The Dalmore 12 Yo

เพิ่งได้รับขวดเต็มๆ มาวันนี้สองสาวรวดสาวหนึ่งวัย 12 อีกหนึ่งวัย 15 ก็เลยคิดว่าได้เวลาลองของที่เพื่อนจากเวป montfort27.com คุณโต ได้จัดแบ่ง Dalmore 12 Yo มาให้ สักทีครับ
เช่นเคยนะครับ ลิ้นบ้านๆ ตาสั่วๆ ไม่ขอรับประกันความถูกต้องเหมือนทุกครั้งนะครับ
รอบนี้ขอว่าไปที่กลิ่นก่อนเนื่องจากว่ารินทิ้งไว้ตั้งแต่ยังไม่เสร็จงาน เพราะอยากให้เหล้าได้สัมผัสอากาศซ่ะก่อนครับ
กลิ่นค่อนข้างดีเชียวครับ หอมกลิ่นวนิลา เจือกลิ่น malt oak  ตลอดจนน้ำผึ้ง และคาราเมล เอื่อยๆ มาตามลมยั่วใจดีเชียวครับ
เนื่องจากว่าผมทิ้งไว้ค่อนข้างนานทำให้กลิ่นน้อง Lกฮ จึงไม่ค่อยมีแล้วนะครับ



วกกลับมาที่สีบ้าง สีนั้นออกทองอมแดงๆ แบบที่เรียกว่าสี Mahogany ครับ ทั้งที่อยู่ในขวดและเมื่อรินออกมา
เมื่อวนแก้วเพื่อดูขา พบว่ากลิ่นนั้นยิ่งฟุ้งออกมาดีเชียวครับ ขากนั้นจัดว่าค่อนไปทางกลางๆ หนักพอประมาณ
ไหลแบบแตกๆ ไม่ค่อยสวยเหมือนเหล้าตัวอื่นที่เคยลองผ่านๆ มาครับ

คราวนี้มาลองรสชาติกันดีกว่าครับ รสชาติออกแนวเผ็ดเล็กน้อย กำลังดีไม่จัดเหมือนตระกูล Macallan ครับ
เจือด้วยกลิ่นผลไม้รสเปรี้ยวนิดๆ ที่ผมรู้สึกได้ว่ามันคล้ายๆ กลิ่นลิ้นจี่นะครับ
ทิ้งความหวานไว้ตอนปลายๆ และอาการ burn แบบซ่าๆ นิดๆ เอาไว้

After taste นั้นกำลังเหมาะครับ ยิ่งถ้าได้น้ำเย็นๆ ตบท้ายหลังจากกลืนอึกสุดท้ายลงคอไปแล้วสักพัก นี่หวานหอมยาวพอประมาณเชียวครับ




สรุปสำหรับผมแล้ว
กวางสาววัย 12 ขวดนี้เหมาะสำหรับใช้เรียกพละกำลังให้กลับมาหลังเสร็จภาระกิจอันแสนเหน็ดเหนื่อยประจำวันได้เป็นอย่างดีเชียวครับ ดื่มชากันดีก่า
แนะนำเพิ่มเติมว่าควรรินพักไว้สัก 5-10 นาที เพื่อให้น้อง Lกฮ ระเหยออกไปก่อนนะครับ
แล้วจะสัมผัสได้กับรสชาติที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัวได้มากขึ้นครับ